การพัฒนาแนวทางการให้บริการผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 ในสถานการณ์เป็นโรคประจำถิ่น โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

ผู้แต่ง

  • พีรนุช อมรสุขสวัสดิ์ โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

คำสำคัญ:

การให้บริการผู้ป่วย, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019, โรคประจำถิ่น

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Action research )นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหาและพัฒนาแนวทางการให้บริการผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 ในสถานการณ์เป็นโรคประจำถิ่น โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ดำเนินการตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566 ถึงเดือน มิถุนายน 2567 โดยแบ่งการวิจัยเป็น 3 ระยะ 1) ระยะเพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหาการให้บริการ ใช้กลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พยาบาลผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย จำนวน 93 คน  2) พัฒนาแนวทางการให้บริการผ่านการสนทนากลุ่ม กับคณะกรรมการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล รวม 10 คน รวมถึงการจัดอบรมพยาบาลผู้ปฏิบัติงานในการดูแลผู้ป่วยและพยาบาลปฏิบัติงานใหม่ จำนวน 93 คน  จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานและ Flow chart 3) ประเมินผลโดยการการประเมินความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการปฏิบัติก่อน-หลัง ความพึงพอใจหลังการพัฒนาของพยาบาลผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย จำนวน 93 คน   วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบความแตกต่างใช้ paired T-test และ Wilcoxon signed rank test

ผลการวิจัย จากการศึกษาสถานการณ์พบปัญหาการให้บริการช่วงที่มีการระบาด COVID 19 ที่มีการปรับเปลี่ยนแนวทางตามสถานการณ์ตลอด แต่ไม่ได้มีการสื่อสารและปรับให้เป็นแนวทางเดียวกัน ภายหลังเมื่อปรับเป็นโรคประจำถิ่นการปฏิบัติจึงไม่เป็นทิศทางเดียวกัน เมื่อนำปัญหาที่พบมาพัฒนาโดยการจัดอบรมให้ความรู้ ร่วมกันพัฒนาแนวทางเพื่อให้สะดวกต่อการใช้และจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานให้ทุกหน่วยงาน หลังการพัฒนาเมื่อประเมินผลพบว่าแนวปฏิบัติ “การให้บริการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ COVID 19” ได้พัฒนาจัดทำเป็นคู่มือมีแนวทางการให้บริการที่ชัดเจนที่ช่วยเพิ่มความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการปฏิบัติของพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญ (p-value < 0.001) และความพึงพอใจของพยาบาลมีความคิดเห็นต่อคู่มือแนวทางปฏิบัติภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการศึกษานี้ทำให้ได้คู่มือแนวปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 COVID 19 ในสถานการณ์เป็นโรคประจำถิ่นที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้ป่วย ดังนั้นควรขยายผลในพื้นที่อื่น โดยประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับบริบทต่อไป

เอกสารอ้างอิง

องค์การอนามัยโลก (WHO). รายงานการแพร่ระบาดของ COVID-19 [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int.

United Nations. COVID-19 pandemic impact report. New York: United Nations; 2023. [Internet]. [Access date 9 October 2023]. Access from : https://www.un.org/en/desa/covid-19

World Health Organization. Ending the COVID-19 Public Health Emergency of International Concern. Geneva: World Health Organization; 2023. [Internet] [Access date 25 October 2023]. Access from: https://www.who.int/europe/emergencies/situations/covid-19

กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการดำเนินงานควบคุมโรคในประเทศไทย. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2565. [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://media.thaigov.go.th/uploads/public_img/source/311264.pdf

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565. [อินเทอร์เน็ต]. 2565. [เข้าถึงเมื่อ 22 มิถุนายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/files/15720

PDF

โรงพยาบาลโพนพิสัย. สถิติการให้บริการผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำปีงบประมาณ 2563-2566. หนองคาย.; 2566.

พัชรินทร์ นาคะอินทร์. การพัฒนาแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ในสถานการณ์โรคประจำถิ่น. วารสารวิชาการโรงพยาบาลโพนพิสัย. 2565; 20(3): 125-32.

ยุพิน หิรัญพต, สิริวิภา โรจนรัตนางกูร. ผลกระทบของการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นต่อพฤติกรรมการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์. วารสารวิจัยการแพทย์. 2566; 15(2): 120-8.

Marcia R, Johnson T, Lee A. The impact of infection prevention protocols on healthcare worker safety during the COVID-19 pandemic. J Health Serv Res. 2021; 56(4): 245-53.

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558. [อินเทอร์เน็ต]. 2558. [เข้าถึงเมื่อ 22 มิถุนายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/253/files/san/Covid19.pdf

Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educ Psychol Meas. 1970; 30: 607-10. [Internet]. Access date 20 June 2023. Available from: https://www.research-advisors.com/tools/SampleSize.htm

Bloom BS, Hastings JT, Madaus GF. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York: McGraw-Hill; 1971.

Best JW. Research in education. 4th ed. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1981.14. Best JW. Research in education. 4th ed. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1981.

อนงค์ เพชรล้ำ. การประเมินความพร้อมของบุคลากรในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค COVID-19. วารสารการพยาบาลสุขภาพ. 2566; 14(2):89-95.

ดารียะ ดือราแม. ผลกระทบของ COVID-19 ที่มีต่อการปฏิบัติตัวของบุคลากร. วารสารสุขภาพชุมชน. 2566; 8(1):50-56.

วิไล มีทองขาว. การสร้างความรอบรู้และการมีส่วนร่วมในทีมเพื่อป้องกัน COVID-19. วารสารการพยาบาลคลินิก. 2565; 15(4):200-206.

บงกช โมระสกุล. การสื่อสารและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19. วารสารพยาบาลแห่งประเทศไทย. 2563; 30(1):15-20.

Smith J, Thomas M, Patel R. The impact of standardized COVID-19 guidelines on infection rates among healthcare workers in the United States. J Infect Control. 2021; 48(5):341-346.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อมรสุขสวัสดิ์ พ. การพัฒนาแนวทางการให้บริการผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 ในสถานการณ์เป็นโรคประจำถิ่น โรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย. udhhosmj [อินเทอร์เน็ต]. 30 เมษายน 2025 [อ้างถึง 20 ธันวาคม 2025];33(1):114-2. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/udhhosmj/article/view/275162

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย