Effectiveness of Clinical Nursing Practice Guideline for the trauma patient with multiple injury In Emergency Department, Udon Thani Hospital
Keywords:
Clinical Nursing Practice Guideline, trauma patient with multiple injuryAbstract
This action research study aimed to study the effectiveness of Clinical Nursing Practice Guideline (CNPG) outcome of the trauma patient in emergency room (ER) and satisfaction of registered nurses on CNPG usage. The sample consisted of 40 critically multiple injuries and 31 registered nurses working in the emergency room, Udon Thani Hospital. The research instrument used in this study was Clinical Nursing Practice Guideline developed from Clinical Nursing Practice Guideline (CNPG) for the trauma patients with multiple injury of Asst. Prof. Dr. Krongdai Unhasuta and Trauma Nursing Network of Thailand 2016. The case record form used for data collection included patient characteristic, the injury, results after use CNPG, nurse characteristics, satisfaction (questionnaire 12 items) Data were analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation, median, interquatile and Paired Sample T-test
The trauma patient, most of them were male ( 87.5%) age between 15-77 years old (median 37.5, IQR 29). Arrive at hospital during 4-12 PM. (42.5%), causes were traffic accidents 87.5%. Part of injury were head and abdominal, 35.0% and 25.0% respectively. Time in Emergency room between 35-185 minutes (median 88.5, IQR 46). The result shown that Shock Index of trauma patient after using CNPG was significant lower than before used (p = 0.007) with oxygen saturation was significant higher than before used (p = 0.001). The registered nurse satisfaction after using CNPG was in the good level (x̄=4.48, S.D. 0.45).
Clinical Nursing Practice Guideline could improved quality of care with the registered nurses had been satisfied. Implementation for effective supervision of trauma patients in Emergency Department should be considered.
References
2. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถิติสาธารณสุข 2559. [อินเทอร์เน็ต]. [cited 2019 Jan 16]. Available from: http://social.nesdb.go.th/SocialStat/StatReport_Final.aspx?reportid=367&template =reportid=367&template=1R2C&yeartype=M&subcatid=15.
3. Hasler,R.M., Nuesch,E., Juni, P., Bouamra,O., Exadaktylos A. K., Lecky, F. Systolic blood pressure below 110 mmHg is associated with increased mortality in blunt major trauma patients: multicentre cohort study. Resuscitation 2011; 82: 1202-7.
4. อำนาจ จิตรวรนันท์. แนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บหลายระบบ. ว.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 2553;6(2):50-60.
5. Kim H, Jung KY, Kim SP, Kim SH, Noh H. Changes in Preventable Death Rates and Traumatic Care Systems in Korea. The Korean Society of Emergency Medicine 2012; 23(2): 189-197.
6. งานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลอุดรธานี. ข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บโรงพยาบาลอุดรธานี ปีงบประมาณ 2562. โรงพยาบาลอุดรธานี 2562.
7. เพ็ญศรี ดำรงจิตติ, รสสุคนธ์ ศรีสนิท, พรเพ็ญ ดวงดี. การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลในการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บรุนแรงในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร. ว.การพยาบาลสาธารณสุข 2557;28(1):43-54.
8. กรองได อุณหสูต, เครือข่ายการพยาบาลอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย.การพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วย Multiple Injury ตามแนวทางการจัดการผู้ป่วย Multiple ตามหลักฐานเชิงประจักษ์.ประชุมเชิงปฎิบัติการ ครั้งที่2/2559;11-12 มิถุนายน 2559 กรุงเทพฯ 2559.
9. อุไรพร ศิริเทพ. การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ. ใน: รัชนี เบญจธนัง, พิมพ์จิตร กาญจนสินธุ์,
ปราณี ทองใส, บรรณาธิการ. การพยาบาลศัลยศาสตร์วิกฤต. กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลิฟวิ่ง; 2558: 103-130.
10. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ. เกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินและจัดลำดับบริบาล ณ ห้องฉุกเฉินตามหลักเกณฑ์ที่ กพฉ.กำหนด พ.ศ.2556.พิมพ์ครั้งที่3. นนทบุรี: สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ; 2558.
11. ไสว นรสาร, พีรญา ไสไหม. แนวคิดและหลักการจัดการผู้บาดเจ็บสำหรับพยาบาล. ใน: ไสว นรสาร, พีรญา ไสไหม, บรรณาธิการ. การพยาบาลผู้บาดเจ็บ Trauma Nursing. กรุงเทพฯ: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์; 2559: 1-28.
12. นันทพร หาสาสน์ศรี, ลดา ฉันท์เรืองวณิชย์, อรพรรณ โตสิงห์, ศรัทธา ริยาพันธ์. ภาวะช็อกในผู้ป่วยที่มารับบริการที่ห้องฉุกเฉิน. วารสารสภาการพยาบาล. 2562;34(3): 60–75.
13. กรองได อุณหสูต. Traumatic shock. Online [cited 2019-02-10] Available from: https://www. slideshare.net/krongdai/traumatic-shock
14. รุ่งชัย ชวนไชยะกุล ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสำคัญอย่างไรกับนักกีฬา.Online [cited 2019-10-10] Available from: https://ss.mahidol.ac.th/th/images/docs/artical/o2blood-rc.pdf Likert, Rensis A. New Patterns of Management. New York: McGraw-Hill Book Company Inc; 1961
15. มารยาท โยทองยศ และ ปราณี สวัสดิสรรพ์. การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพื่อการวิจัย. ศูนย์บริการวิชาการ สถาบันส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม. Online [cited 2019-11-1] Available from: fsh.mi.th/km/wp-content/uploads/2014/ 04/resch.pdf.
16. นวลทิพย์ ธีระเดชากุล, นุชศรา พรมชัย, นงลักษณ์ พลแสน. ประสิทธิผลการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บหลายระบบด้วย Multiple Injury Nursing Management guideline แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลบุรีรัมย์. ว.การแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 2561; 33(2): 165-177.
17. Best, John. Research in education. Englerood Cilifts. New Jersy:.Printice-Hall; 1970.
18. สุนิดา อรรถชิต.การพัฒนาและการประเมินประสิทธิภาพแนวปฏิบัติการพยาบาลในการประเมินสภาพแรกรับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหลายระบบที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยอุบัติเหตุ โรงพยาบาลปัตตานี [วิทยานิพนธ์]. สงขลา: มหาวิทยาสงขลานครินทร์; 2552.
19. กัญญารัตน์ ผึ่งบรรหาร, ฐิติ ภมรศิลปธรรม, ลัดดามี มีจันทร์.การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบในภาวะวิกฤต โรงพยาบาลอุตรดิตถ์. ว.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์ 2557; 6(1): 24-37.
20. วิบูลย์ เตชะโกศล. ประสิทธิผลของการพัฒนาระบบทางด่วนพิเศษในผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะ. ศรีนครินทร์เวชสาร 2557; 29(6): 524-529.
21. ชาติชาย คล้ายสุบรรณ.คู่มือแนวทางการจัดบริการห้องฉุกเฉินที่เหมาะสมกับระดับศักยภาพสถานพยาบาล.นนทบุรี: สามชัย 2017; 2561.
22. จารุพักตร์ กัญจนิตานนท์, สุชาตา วิภวกานต์, รัตนา พรหมบุตร.การพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้บาดเจ็บรุนแรงหลายระบบ โรงพยาบาลกระบี่. วารสารพยาบาลทหารบก. 2562; 20(1): 339-349
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้นิพนธ์ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความในวารสารไปเผยแพร่ทางการค้าก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร