การประเมินโครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ
คำสำคัญ:
ระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ, CIPP Model, สิทธิและสวัสดิการทางด้านสุขภาพ, โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินงานการพัฒนาระบบสาธารณสุขในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ครอบคลุมเรือนจำเป้าหมายในระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และเรือนจำที่ไม่อยู่ในการดำเนินโครงการ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 30 แห่ง ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และใช้การสุ่มตัวแทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้บริหารและบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในโครงการฯ ทั้งในส่วนของกรมราชทัณฑ์และกระทรวงสาธารณสุข ผู้ต้องขัง และผู้ต้องขังที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำในพื้นที่ตัวอย่าง โดยเป็นการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างเพื่อการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ จำนวน 666 ราย ด้วยการสอบถามความเห็นจากแบบสอบถาม และเชิงคุณภาพ จำนวน 180 ราย ด้วยการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นการคัดเลือกตามหลักและวิธีการทางสถิติ และการคัดเลือกแบบจำเพาะเจาะจง
การประเมินผลการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ (1) การดำเนินงานเชิงปริมาณโดยวิเคราะห์ผลการวิจัย ซึ่งเป็นการประเมินความเห็นและความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานและผู้ต้องขังในประเด็นต่าง ๆ ด้วยสถิติเชิงพรรณนา โดยทุกประเด็นการประเมิน พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นและความพึงพอใจในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 4.25 สำหรับผู้ต้องขังและ 4.22 สำหรับผู้ปฏิบัติงาน) และ (2) การประเมินผลและการวิเคราะห์ผลการดำเนินโครงการในรูปแบบ CIPP Model ซึ่งเป็นการประเมินทั้งเชิงปริมาณด้วยสถิติการใช้สถิติเชิงพรรณนาและการประเมินคุณภาพด้วยวิเคราะห์เอกสารและการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) พบว่า ภาพรวมของการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นไปในทิศทางเชิงบวกและประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการหลายประการ (ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจความสำเร็จของโครงการเท่ากับ 4.05 สำหรับผู้ต้องขังและ 4.09 สำหรับผู้ปฏิบัติงาน) ทั้งนี้ยังมีเพียงบางตัวชี้วัดที่หน่วยงานในบางพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการได้อันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านบุคลากร งบประมาณ และสถานที่ เมื่อพิจารณาผลประเมินทางด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข พบว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเชิงคุณภาพ (Ordinal Approach) จึงทำการวิเคราะห์ความคุ้มค่าด้วยแนวคิด CEA พบว่า ต้นทุนรวมของโครงการนี้ จำนวน 335,645,663 บาท แต่สามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพถึง 34 ตัวชี้วัดการดำเนินงานของการดำเนินงานเพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขในเรือนจำทั้งในด้านผลผลิต ผลลัพธ์และผลกระทบของการดำเนินโครงการหรือทำให้ชีวิตของผู้ต้องหาจำนวนมากถึง 108,146 คน มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น
การศึกษาวิจัยนี้ประกอบด้วย (1) ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ (2) ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำซึ่งประกอบไปด้วยผู้เกี่ยวข้องสามส่วน ได้แก่ เรือนจำ/ทัณฑสถาน โรงพยาบาลแม่ข่าย และหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่ และ (3) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำในอนาคต
เอกสารอ้างอิง
กุลภา วจนสาระ, โอปอล์ ประภาวดี, ศรินธร รัตน์เจริญขจร, จริยาภรณ์ กระบวนแสง, เบญจมาศ รอดภัย และดวงกมล การไทย. (2561). ป่วยไข้ในเรือนจำ: ปัญหาสุขภาพและการเข้าถึงบริการ. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.
คณะผู้เข้ารับการอบรม นบส.2 รุ่นที่ 12. (2567). ข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐในยุค New Normal. โครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง: ผู้บริหารส่วนรการ (นบส.2) รุ่นที่ 12.
ธัญญาภรณ์ จันทรเวช และโกวิทย์ พวงงาม. (2564). โครงสร้าง บทบาท และความเข้มแข็งคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดในฐานะกลไกการเมืองภาคพลเมือง. วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์, 29(1), 210–250.
นิสา ชูโต. (2538). การประเมินโครงการ (พิมพ์ครั้งที่ 4). พี.เอ็น.
พงศธร พอกเพิ่มดี. (2554). เศรษฐศาสตร์สุขภาพ. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 20(3), 552-533.
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479. (23 พฤศจิกายน 2479). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 53 ตอนที่ 775 หน้า 6.
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560. (18 กุมภาพันธ์ 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134 ตอนที่ 21ก หน้า 17-19.
ภิฤดี ภวนานันท์. (2552). เศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขอย่างไร. มหาวิทยาลัยมหิดล.
มาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ค.ศ. 1957. (ม.ป.ป.). http://www.correct.go.th/pti/wp-content/uploads/2020/04/ข้อกำหนดแมนเดลา.pdf
มานิตย์ จุมปา. (2548). คำอธิบายกฎหมายปกครองว่าด้วยการจัดระเบียบราชการบริหาร. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. (2546). การประเมินโครงการแนวคิดและแนวปฏิบัติ (พิมพ์ครั้งที่ 3). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540. (11 ตุลาคม 2540). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 114 ตอนที่ 45ก หน้า 14-17.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134 ตอนที่ 40ก หน้า 7-10.
สำนักงบประมาณ. (2563). ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565. https://bbstore.bb.go.th/cms/1608802053_2857.pdf
สุรสม กฤษณะจูฑะ, ธวัช มณีผ่อง, สันติพงษ์ ช้างเผือก, อุ่นใจ เจียมบูรณะกุล และรัชนี นิลจันทร์. (2550). สิทธิสุขภาพ สิทธิมนุษยชน. สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ.
อนุรักษ์ ปัญญานุวัฒน์. (2548). แนวคิดการประเมินโครงการ. เอกสารประกอบการสอนระดับบัณฑิตศึกษา (อัดสำเนา). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อุดม รัฐอมฤต, นพนิธิ สุริยะ และบรรเจิด สิงคะเนติ. (2544). การอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลตามมาตรา 28. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ.
อุระ หวังอ้อมกลาง. (2547). สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญความเป็นจริงและทางปฏิบัติ. จุลนิติ, 1(2), 19-24.
Awofeso N. (2004). What’s new about the “New Public Health”?. American Journal of Public Health, 94, 705–709.
Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: A challenge for contemporary health education and communication strategies in the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259-267.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสังคมวิจัยและพัฒนา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.