คำแนะนำสำหรับผู้เขียน

Template สำหรับผู้เขียนบทความ (กำหนดให้ใช้ในวารสารปีที่ 7 ฉบับที่ 1 (2568) เป็นต้นไป)

1. แบบฟอร์มนำส่งบทความ

2. Template บทความวิจัย WORD : PDF / Research article WORD : PDF

3. Template บทความวิชาการ WORD : PDF / Academic article WORD : PDF

4. Template บทความรับเชิญ WORD : PDF

** สามารถดาวน์โหลดและใช้ Template ได้โดยไม่ต้องลบส่วน Header (Logo TU-RAC) และ Footer (ประเภทของบทความ) ออก

 

ข้อกำหนดสำหรับการตีพิมพ์บทความต้นฉบับและรูปแบบในการนำเสนอบทความ

1. ข้อกำหนดของบทความต้นฉบับ (Manuscript Requirements)

บทความที่จะส่งต้องเป็นบทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความรับเชิญ ตามสาขาวิชาที่กำหนด โดยบทความที่ส่งเข้ามาจะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาในวารสารอื่น ทั้งนี้เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารสังคมวิจัยและพัฒนา ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความและไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร

ผู้ประสงค์จะส่งบทความให้จัดพิมพ์บทความต้นฉบับให้เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Template บทความ และแบบฟอร์มนำส่งบทความ (คลิกเพื่อดาวน์โหลด) เพื่อจัดพิมพ์บทความและกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มฯ จากนั้นเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนเพื่อส่งบทความผ่านระบบ ThaiJO โดยอัพโหลดไฟล์บทความและแบบฟอร์มนำส่งบทความเข้าระบบ (กำหนดให้เลือกประเภท “ไฟล์บทความ” สำหรับบทความต้นฉบับ และเลือกประเภท “อื่นๆ” สำหรับแบบฟอร์มฯ และเอกสารอื่น ๆ) และนำส่งแบบฟอร์มนำส่งบทความเข้ามาที่อีเมล jmardjournal@gmail.com ด้วย

ผู้เขียนบทความควรตรวจสอบความถูกต้องของการพิมพ์บทความต้นฉบับ เช่น ตัวสะกด วรรคตอน ความเหมาะสมและความสละสลวยของการใช้ภาษา รวมทั้งกำหนดประเภทของบทความให้ชัดเจนว่าเป็นบทความวิจัย บทความวิชาการ หรือบทความรับเชิญ

2. องค์ประกอบของบทความ

องค์ประกอบของบทความทั้ง 3 ประเภท มีรายละเอียดดังนี้

2.1 บทความวิจัย เป็นบทความที่นำเสนอการวิจัย และผลลัพธ์ที่ได้รับอย่างเป็นระบบ สรุปผลการวิจัยที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ บทความวิจัยต้องเสนอองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย โดยมีองค์ประกอบตามลำดับหัวข้อดังต่อไปนี้

1) บทคัดย่อภาษาไทยและบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) ควรเรียบเรียงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ วิธีการวิจัย และสรุปผลการวิจัยที่ได้จากการศึกษาวิจัย โดยให้มีความยาวไม่เกิน 300 คำ และคำสำคัญ จำนวน 4-5 คำ โดยให้เริ่มพิมพ์บทคัดย่อและคำสำคัญภาษาไทย ตามด้วยบทคัดย่อและคำสำคัญภาษาอังกฤษ (สำหรับบทความภาษาอังกฤษให้พิมพ์เฉพาะบทคัดย่อและคำสำคัญภาษาอังกฤษ)

2) บทนำ ควรประกอบด้วยความสำคัญและที่มาของปัญหาวิจัย พร้อมทั้งเสนอภาพรวมของบทความ ได้แก่ คำถามการวิจัย วัตถุประสงค์การวิจัย 

3) การทบทวนวรรณกรรมและกรอบแนวคิด ควรประกอบด้วย ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และกรอบแนวคิดที่ใช้ในการศึกษา

4) วิธีการวิจัยหรือระเบียบวิธีการวิจัย ควรประกอบด้วยวัตถุประสงค์ สมมติฐาน ประชากรกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์

5) ผลการศึกษา ควรบรรยายให้เห็นผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัย ซึ่งอาจจะจำแนกเป็นประเด็นต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มภาพประกอบหรือตารางสรุปข้อมูล เพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในผลการศึกษามากขึ้น

6) สรุปผลการศึกษา ควรบรรยายสรุปผลการศึกษาที่ได้จากการศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัย

7) การอภิปรายผลการวิจัย ควรเรียบเรียงและจำแนกเป็นประเด็นให้ชัดเจน โดยเปรียบเทียบผลการวิจัยกับแนวคิดหรือทฤษฎีที่ใช้ในการวิจัย และเปรียบเทียบกับงานวิจัยที่ผ่านมา เพื่อให้มีความสอดคล้องหรือความแตกต่างกันในแต่ละประเด็น หรือแสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการศึกษา

8) ข้อเสนอแนะ ควรระบุว่างานวิจัยครั้งนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร และระบุว่าควรศึกษาประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยต่อไป

9) เอกสารอ้างอิง/References ใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) หรือ APA style 7th edition 

2.2 บทความวิชาการ เป็นบทความที่นำเสนอแนวคิดหรือการวิเคราะห์ที่นำไปสู่ประเด็นที่ต้องการนำเสนอให้ชัดเจนและมีลำดับเนื้อหาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ชัดเจน โดยเป็นไปตามหลักวิชาการหรือตามประสบการณ์ทางวิชาชีพของผู้เขียนเพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาทางสังคมศาสตร์ ที่นำไปประยุกต์ใช้ต่อไปได้ โดยมีองค์ประกอบตามลำดับหัวข้อดังต่อไปนี้

1) บทคัดย่อภาษาไทยและบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) โดยให้มีความยาวไม่เกิน 300 คำ และคำสำคัญ จำนวน 4-5 คำ โดยให้เริ่มพิมพ์บทคัดย่อและคำสำคัญภาษาไทย ตามด้วยบทคัดย่อและคำสำคัญภาษาอังกฤษ (สำหรับบทความภาษาอังกฤษให้พิมพ์เฉพาะบทคัดย่อและคำสำคัญภาษาอังกฤษ)

2) ส่วนนำ ควรบอกถึงที่มา หลักการและเหตุผล

3) เนื้อหา (หรือประเด็นที่จะนำเสนอ) ของประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องสอดแทรกแนวคิด ทัศนคติ และแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่าง ๆ และที่สำคัญต้องยกแหล่งอ้างอิงมาประกอบ

4) สรุปผลการศึกษา ควรขมวดประเด็นทั้งหมดด้วยถ้อยคำที่สั้น ง่าย ได้ใจความ กระตุ้นให้ผู้อ่านได้คิดตาม

5) เอกสารอ้างอิง/References ใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) หรือ APA style 7th edition 

2.3 บทความรับเชิญ เป็นบทความจากผู้เขียนที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญหรือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องและได้เกียรติรับเชิญจากกองบรรณาธิการวารสาร โดยกำหนดให้มีจำนวนหน้าไม่เกิน 10-15 หน้ากระดาษ และประกอบด้วย บทคัดย่อ บทนำ หรือประเด็นหรือเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ และเอกสารอ้างอิง/References แบบการอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) หรือ APA style 7th edition  ทั้งนี้บทความรับเชิญจะถูกพิจารณาและกลั่นกรองโดยกองบรรณาธิการวารสารเท่านั้น

3. รูปแบบในการเตรียมต้นฉบับและนำเสนอบทความ

ผู้เขียนบทความต้องเตรียมต้นฉบับ และนำเสนอบทความตามที่วารสารกำหนด โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Template บทความ เพื่อใช้ในการเตรียมบทความต้นฉบับ และประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้

3.1 ขนาดหน้ากระดาษ กำหนดให้ใช้ A4 (21 cm x 29.7 cm) แนวตั้ง

3.2 จำนวนหน้าบทความ กำหนดให้บทความมีความยาว 12-25 หน้ากระดาษ A4 โดยประมาณ (จำนวนหน้ากระดาษรวมเอกสารอ้างอิง/References)

3.3 ขอบเขตหน้ากระดาษ กำหนดให้มีขอบเขตหน้ากระดาษ ดังนี้ ขอบบน 1.0 นิ้ว ขอบล่าง
1.0 นิ้ว ขอบซ้าย 1.0 นิ้ว และขอบขวา 1.0 นิ้ว (หรือ 2.54 ซม.)

3.4 การจัดหน้ากระดาษ กำหนดให้จัดหน้ากระดาษแบบ 1 คอลัมน์

3.5 การจัดระยะห่างระหว่างบรรทัด

       1) การจัดระยะห่างบรรทัดระหว่างหัวข้อหลัก/หัวข้อรองกับเนื้อหาให้จัดระยะห่างระหว่างบรรทัด 8 pt

       2) การจัดระยะห่างบรรทัดเนื้อหาให้จัดระยะห่างระหว่างบรรทัดหนึ่งบรรทัด (single)

3.6 การย่อหน้าสำหรับเนื้อหาบทความที่มีการเรียงลำดับหัวข้อรอง ใช้การย่อหน้า 1.5 นิ้ว และ 2.0 นิ้ว ตามลำดับ

3.7 รูปแบบตัวอักษร กำหนดให้ใช้ TH Sarabun New โดยมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้

องค์ประกอบของบทความ

รูปแบบ

1. ชื่อบทความ

TH Sarabun New 20 pt กำหนดกึ่งกลาง ตัวหนา

2. ชื่อและสกุลผู้เขียน

TH Sarabun New 16 pt กำหนดกึ่งกลาง ตัวหนา

3. ชื่อหน่วยงาน/สังกัดผู้เขียน

TH Sarabun New 16 pt กำหนดกึ่งกลาง ตัวหนา

4. ชื่ออีเมลผู้เขียนบทความ หรืออีเมลผู้ติดต่อหลัก

TH Sarabun New 16 pt กำหนดกึ่งกลาง ตัวธรรมดา

5. หัวข้อหลัก

TH Sarabun New 16 pt กำหนดชิดซ้าย ตัวหนา

6. หัวข้อรอง

TH Sarabun New 16 pt กำหนดชิดซ้าย โดยย่อหน้าจากหัวข้อหลัก 0.5 นิ้ว ตัวหนา

7. หัวข้อย่อย

TH Sarabun New 16 pt กำหนดชิดซ้าย โดยย่อหน้าจากหัวข้อหลัก 1 นิ้ว ตัวหนา

8. เนื้อหาหรือข้อความทั่วไป

TH Sarabun New 16 pt ตัวธรรมดา จัดกระจายแบบไทย

9. ภาพที่ (เลขลำดับ)

TH Sarabun New 16 pt กำหนดกึ่งกลาง ตัวหนา

10. คำบรรยายภาพ

TH Sarabun New 16 pt ตัวธรรมดา

11. ตารางที่ (เลขลำดับ)

TH Sarabun New 16 pt กำหนดชิดซ้าย ตัวหนา

12. คำบรรยายตาราง

TH Sarabun New 16 pt ตัวธรรมดา

13. แหล่งที่มาภาพ/ตาราง

TH Sarabun New 16 pt ตัวธรรมดา

14. อ้างอิงเชิงอรรถ (ถ้ามี)

TH Sarabun New 14 pt ตัวธรรมดา

15. เอกสารอ้างอิง

TH Sarabun New 16 pt ตัวธรรมดา

 

4. รูปแบบการอ้างอิงในเนื้อหาและเอกสารอ้างอิง

                    รูปแบบการอ้างอิงในเนื้อหาและการอ้างอิงท้ายบทความกำหนดให้ใช้รูปแบบการอ้างอิง/References The American Psychological Association โดยดูตัวอย่างการอ้างอิงฉบับเต็มได้ที่ APA style 7th edition 

 

5. การส่งบทความ (Paper Submission Online)           

      ผู้ที่ประสงค์จะส่งบทความกับวารสารสังคมวิจัยและพัฒนา กรุณาส่งต้นฉบับบทความโดยส่งเข้าระบบ ThaiJO ที่ https://www.tci-thaijo.org/index.php/JMARD และส่งแบบฟอร์มนำส่งบทความต้นฉบับที่ jmardjournal@gmail.com 

 

*อัพเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 24 มกราคม 2568