การเห็นคุณค่าในตนเอง ทัศนคติต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ และพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อเปรียบเทียบการเห็นคุณค่าในตนเอง และทัศนคติต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในกลุ่มผู้ถูกรังแก ผู้รังแกผู้อื่น ผู้ที่เป็นทั้งผู้รังแกและถูกรังแก และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์
วิธีการศึกษา : กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย จำนวน 777 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามพฤติกรรมรังแกกันผ่าน โลกไซเบอร์ แบบสอบถามการเห็นคุณค่าในตนเอง และแบบสอบถามทัศนคติต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการศึกษา : พบว่านักเรียน ร้อยละ 14.9 เคยถูกรังแกผ่านโลกไซเบอร์ ร้อยละ 13.30 เคยรังแกผู้อื่น ร้อยละ 46.50 เคยเป็นทั้งผู้รังแกและถูกรังแก และร้อยละ 25.30 ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ ค่าเฉลี่ยการเห็นคุณค่าในตนเอง และทัศนคติต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ของนักเรียนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกลุ่มที่เป็นทั้งผู้รังแกและถูกรังแกผ่านโลกไซเบอร์มีค่าเฉลี่ยของการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำกว่ากลุ่มผู้รังแกผู้อื่น (p = .000) และกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ (p = .014) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มที่เป็นทั้งผู้รังแกและถูกรังแกผ่านโลกไซเบอร์มีค่าเฉลี่ยของทัศนคติทางบวกต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์สูงกว่ากลุ่มผู้รังแกผู้อื่น (p = .003) และกลุ่มผู้ถูกรังแกผ่านโลกไซเบอร์ (p = .033) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
สรุป : ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่นำไปสู่การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตนเองและปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อพฤติกรรมรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ที่เหมาะสมกับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายต่อไป
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย