การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลเด็กสมองพิการ
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การมีส่วนร่วม, ผู้ดูแลเด็กสมองพิการบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการณ์และความต้องการรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแล 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลเด็กสมองพิการ 3) ประเมินความพึงพอใจของผู้ดูแลต่อการใช้รูปแบบการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลเด็กสมองพิการ พื้นที่ศึกษาเป็นพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งใน จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประกอบด้วย ผู้ดูแล 18 คน และทีมสหวิชาชีพผู้ให้บริการ 7 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ดูแล ดำเนินการวิจัย 3 ระยะ 1) ศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์ 2) พัฒนาและทดลองใช้ และ 3) ประเมินผลลัพธ์ ดำเนินการระหว่าง 10 พ.ย. 2562 ถึง 10 พ.ย. 2563
ผลการวิจัย 1) สภาพการณ์และความต้องการรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแล: ผู้ดูแลมีความรู้ เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง แต่ขาดความมั่นใจในทักษะการดูแลเด็กสมองพิการที่บ้าน สหวิชาชีพมีความพร้อมทั้งจำนวนบุคลากรและสิ่งสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์สำหรับการดูแลเด็กป่วย 2) พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลเด็กสมองพิการ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพทีมสหวิชาชีพเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน การพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลด้านความรู้และฝึกปฏิบัติทักษะการดูแลเด็กสมองพิการ การวางแผนดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ และ การสนับสนุนกายอุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ดูแลต่อรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลเด็กสมองพิการอยู่ในระดับมาก (=4.69, SD=0.46) สหวิชาชีพมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลเด็กสมองพิการ อยู่ในระดับมาก (=4.39, SD=0.48)
References
Colver A, Fairhurst C, Pharoah PO. Cerebral palsy. Lancet. 2014;383(9924):1240-9. doi:10.1016/S0140-6736(13)61835-8
Kakooza-Mwesige A, Andrews C, Peterson S, Wabwire Mangen F, Eliasson AC, Forssberg H. Prevalence of cerebral palsy in Uganda: a population-based study. Lancet Glob Health. 2017;5(12):e1275-e1282. doi:10.1016/S2214-109X(17)30374-1
Lang TC, Fuentes-Afflick E, Gilbert WM, Newman TB, Xing G, Wu YW. Cerebral palsy among Asian ethnic subgroups. Pediatrics. 2012;129(4):e992-e998. doi:10.1542/peds.2011-2283
Ruiz Ruiz E, Ramalle-Gómara E, Quiñones C, Andrés JM, Posada M, et al. (2014) Trends in Cerebral Palsy Infant Mortality from 1981 to 2011 in Spain. J Neurol Disord Stroke 2(1):1029.
Hockenberry MJ, Wong DL. Wong's Essentials of Pediatric Nursing. 8th ed. St. Louis, Missouri: Mosby; 2011.
สายพิณ เกษมกิจวัฒนา, ปิยะภรณ์ ไพรสนธิ์. ญาติผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง: กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม. วารสารสภาการพยาบาล. 2557; 29(4):22-31.
Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planner. 3rd ed. Geelong, Australia: Deakin University Press; 1998.
ศิริพร จิรวัฒน์กุล. การวิจัยเชิงคุณภาพทางการพยาบาล:ระเบียบวิธีวิจัยและกรณีศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์; 2555.
สิริมา ชุ่มศรี, นุจรี ไชยมงคล, ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์. ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเด็กต่อความสามารถและความรู้สึกเป็นภาระในการดูแลเด็กสมองพิการ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 2557;22(4):35-46.
Mlinda SJ, Leyna GH, Massawe A. The effect of a practical nutrition education programme on feeding skills of caregivers of children with cerebral palsy at Muhimbili National Hospital, in Tanzania. Child Care Health Dev. 2018;44(3):452-61. doi:10.1111/cch.12553
Dodge NN. Cerebral palsy: medical aspects. Pediatr Clin North Am. 2008;55(5):1189-ix. doi:10.1016/j.pcl.2008.07.003
กัญญาลักษณ์ ณ รังสี. เสียงสะท้อนจากผู้ดูแลหลัก: ประสบการณ์การเตรียมและป้อนอาหารแก่เด็กสมองพิการ. ธรรมศาสตร์เวชสาร. 2557;(14)4:589-97.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9