การพัฒนารูปแบบบริการตามนโยบาย 3 หมอ ในการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน
คำสำคัญ:
นโยบาย 3 หมอ, สารสกัดกัญชาทางการแพทย์, ผู้ป่วยประคับประคองบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบบริการตามนโยบาย 3 หมอ ในการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน และศึกษาผลของการบริการตามนโยบาย 3 หมอ ในการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในด้านคุณภาพชีวิต ผลข้างเคียง และความพึงพอใจของผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ เก็บรวบรวมข้อมูลในผู้ป่วยประคับประคองที่ขึ้นทะเบียนมีอายุมากกว่า 25 ปี ไม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ และไม่มีข้อห้ามของการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยมีผู้ป่วยประคับประคองเข้าร่วมศึกษา 59 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาใช้แบบสอบถาม แบบประเมินคุณภาพชีวิต และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา แสดงค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐานและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมพัฒนารูปแบบบริการตามนโยบาย 3 หมอ จำนวน 62 ราย เป็นหมอคนที่ 1 จำนวน 36 ราย หมอคนที่ 2 จำนวน 24 ราย หมอคนที่ 3 จำนวน 2 ราย โดยสามารถดำเนินกิจกรรม 3 หมอครบ ร้อยละ 100 ผู้ป่วยประคับประคองใช้เพื่อลดอาการปวดจากโรคมะเร็งมากที่สุด และหลังใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ตามรูปแบบบริการ 3 หมอ ในด้านคุณภาพชีวิต ทำให้ผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนที่เข้ารับบริการตามกิจกรรม 3 หมอ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ ด้านการทำกิจวัตรประจำวัน และดูแลตัวเอง โดยไม่พบผลข้างเคียงชนิดรุนแรงจาการใช้สารสักดกัญชาทางแพทย์ แต่ยังพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น เวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน และผลลัพธ์ความพึงพอใจเรื่องความรวดเร็วในการเข้าถึงบริการมากที่สุด และหากขยายผลการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบบริการ ตามนโยบาย 3 หมอ ในผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่จะเป็นการเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ลดอัตราการตายของผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนต่อไป
References
กรมการแพทย์. การใช้กัญชาทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2565.
ขนิษฐา ทุมา, มานพ คณะโต. การศึกษาการดำเนินงานป้องกัน แก้ไขปัญหาและการควบคุมกัญชาในพื้นที่แหล่งปลูกที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น. เครือข่ายพัฒนาวิชาการและข้อมูลยาเสพติด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2556.
พิชัย แสงชาญชัย, พงศธร เนตราคม, นวพรหิรัญ วิวัฒน์กุล. จิตเวชศาสตร์การติดสารเสพติด. สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามยาเสพติด; 2549. กรุงเทพฯ: เดอะกราฟิโก ซิสเต็มส์ จำกัด; 2559
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562.ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 218ง 2562; 2562: 1-3.
ตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม 16 ตำรับ. สูตรยากัญชาแผนไทย. นนทบุรี: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข; 2565.
Kalant H. Medicinal use of cannabis: history and current status. Pain Res Manag. 2001 Summer;6(2):80-91. doi: 10.1155/2001/469629.
United Nations Office on Drugs and Crime Cannabis. A Short Review. Geneva: UNODC; 2015.
Heuberger JA, Guan Z, Oyetayo OO, Klumpers L, Morrison PD, Beumer TL, van Gerven JM, Cohen AF, Freijer J. Population pharmacokinetic model of THC integrates oral, intravenous, and pulmonary dosing and characterizes short- and long-term pharmacokinetics. Clin Pharmacokinet. 2015 Feb;54(2):209-19. doi: 10.1007/s40262-014-0195-5.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. แนวทางการดำเนินงานสุขภาพภาคประชาชน นโยบาย 3 หมอ. นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2564.
กิตติวัฒน์ กันทะ. การศึกษาผลการดูแลผู้ป่วยประคับประคองและกัญชาทางการแพทย์. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2021.
นริศา คาแก่น, เจริญ ตรีศักดิ์. กัญชาทางการแพทย์สำหรับมะเร็ง. วารสารราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์. 2562; 1(1):16-29.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9