ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ของข้าราชการชายทหารอากาศ เขตดอนเมืองกองทัพอากาศ
คำสำคัญ:
ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม, พฤติกรรมการเลิกบุหรี่, ข้าราชการชายทหารอากาศ, กองทัพอากาศบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม กับพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ของบุคลากรกองทัพอากาศเพศชาย กลุ่มตัวอย่างเป็นข้าราชการทหารอากาศชายที่เข้ารับการตรวจร่างกายประจำปี ณ กองเวชศาสตร์ป้องกัน กรมแพทย์ทหารอากาศ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 60 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล แบบแผนการสูบบุหรี่ ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม และพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ โดยประเมินจากแบบสอบถาม หาคุณภาพเครื่องมือด้วยการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ได้ค่า IOC เท่ากับ 0.87 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม ได้ค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือในส่วนของปัจจัยนำ, ปัจจัยเอื้อ, ปัจจัยเสริม และพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ เท่ากับ 0.84, 0.83, 0.86 และ 0.82 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ศึกษากับพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ โดยวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีอายุระหว่าง 20-30 ปี ร้อยละ 36.7 มีรายได้เดือนละ 10,000-19,999 บาท ร้อยละ 36.7 สถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 56.7 การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ร้อยละ 60.0 และปัจจุบันเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ ในด้านปัจจัยนำ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีปัจจัยนำอยู่ในระดับดี (=4.54, SD=0.16) ปัจจัยเอื้ออยู่ในระดับดี (=4.33 SD=0.20) และปัจจัยเสริมอยู่ในระดับดี (=4.54, SD=0.16) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม กับพฤติกรรมการเลิกบุหรี่พบว่า ปัจจัยนำ (r=0.693) ปัจจัยเอื้อ (r=0.684) และปัจจัยเสริม (r=0.343) มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเลิกบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01)
จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ควรมีโปรแกรมการสร้างเสริม สนับสนุนให้คำปรึกษาและติดตามพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ในข้าราชการชายทหารอากาศมากขึ้น
References
World Health Organization. WHO Report on the Global Tobacco Epidemic, Monitoring Tobacco Use and Prevention Policies. Geneva: World Health Organization; 2017.
แผนกส่งเสริมสุขภาพ กองเวชศาสตร์ป้องกัน กรมแพทย์ทหารอากาศ. รายงานสถิติตรวจร่างกายประจำปีของข้าราชการกองทัพอากาศประจำปี. กรุงเทพฯ: กรมแพทย์ทหารอาการ; 2563.
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ มหาวิทยาลัยมหิดล. รายงานสถิติการบริโภคยาสูบของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์; 2561
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สถานการณ์การสูบบุหรี่ในประเทศไทย. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 2563 ม.ค. 10] เข้าถึงได้จาก: http://www.surin.nso.go.th/home/index_new_doc.jsp.
สุนิดา ปรีชาวงษ์, นัยนา วงศ์สายตา, หริสร์ ทวีพัฒนา, สรัตนี แก้วคำ. การทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในโรงเรียนมัธยมศึกษา. วารสารสุขศึกษา. 2557;37(128):15-28.
Cohen J. Statistical Power Analysis for the Behavioral Sciences. Burlington: Academic Press; 2013.
O'Conor R, Muellers K, Arvanitis M, Vicencio DP, Wolf MS, Wisnivesky JP, Federman AD. Effects of health literacy and cognitive abilities on COPD self-management behaviors: A prospective cohort study. Respir Med. 2019 Nov-Dec;160:105630. doi: 10.1016/j.rmed.2019.02.006.
อารญา โถวรุ่งเรือง, ส่งศรี รัตนมาลาวงศ์, กาณดามณี พานแสง, ไฉไล เที่ยงกมล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ กับการสูบบุหรี่ของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษากองบัญชาการตำรวจนครบาล. วารสารพยาบาลตำรวจ 2558;7(2):40-52.
จุฑารัตน์ อยู่สุขเจริญ. ปัจจัยทำนายความตั้งใจ เลิกสูบบุหรี่ของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต วิชาเอกการจัดการการสร้างเสริมสุขภาพ]. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2560.
ณรงค์ ใจเที่ยง. การรับรู้การเลิกสูบบุหรี่ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยภาคเหนือของประเทศไทย. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ. 2564; 14(1):37-49.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9