ผลของโปรแกรมการดูแลตนเองของหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ฝากครรภ์ โรงพยาบาลยโสธร
คำสำคัญ:
โปรแกรมการดูแลตนเอง, หญิงตั้งครรภ์, เบาหวานขณะต้ังครรภ์บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการดูแลตนเองของหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ฝากครรภ์ โรงพยาบาลยโสธร กลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จำนวน 30 คน เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม- มิถุนายน 2567 เครื่องมือวิจัยเป็นโปรแกรมการดูแลตนเองของหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ฝากครรภ์ โรงพยาบาลยโสธร แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความรู้เรื่องโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเอง ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.77 และ 0.80 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติ Paired sample t-test
ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์หลังเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (t=5.96, p<0.001, 95%CI=0.57-1.16) คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองโดยรวมสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (t=4.59, p<0.001, 95%CI=0.06-0.16) ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดหลังเข้าร่วมโปรแกรมต่ำกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (t=3.52, p=0.001, 95%CI=2.40-9.00) ดังนั้น ควรนำโปรแกรมการดูแลตนเองของหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มาออกแบบจัดบริการเพื่อให้หญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้มีความรู้ เกิดความเชื่อมั่น สามารถดูแลตนเอง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้
เอกสารอ้างอิง
Warunpitikul R, Aswakul O. The incidence of diabetes mellitus in pregnant women and its outcomes between pregnant women with diabetes mellitus and non-diabetes mellitus at Maharat Nakhon Ratchasima hospital. Thai Journal of Obstetrics and Gynecology. 2014; 22(2):81-7.
กาญจนา ศรีสวัสดิ์, อรพินท์ สีขาว. การดูแลหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารทหารบก. 2557; 15(2): 50-9.
ประภัทร วานิชพงษ์พันธุ์, กุศล รัศมีเจริญ, ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์, บรรณาธิการ. ตำราสูติศาสตร์. กรุงเทพฯ: พี. เอ. ลีฟวิ่ง จำกัด; 2560.
สิวาพร พานเมือง, อักษราณัฐ สุทธิประภา, วิไลลักษณ์ เผือกพันธ์. การพัฒนาโปรแกรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเบาหวาน. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารรสุขจังหวัดนครราชสีมา.2566;9(1):130-44.
Bandura A. Social Foundation of Thought and Action: A Social cognitive theory. Englewood Cliffe, NJ: Printice-Hall; 1986.
Pender NJ, Murdaugh CL, Parsons MA. Health Promotion in Nursing Practice. 5thed. Bloomington MN: Pearson; 2005.
รติรัตน์ กสิกุล, เบญจา มุกตพันธุ์. ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการบริโภคอาหารตามการนับคาร์โบไฮเดรต และสารอาหารที่ได้รับของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับคำปรึกษาวิธีการนับคาร์โบไฮเดรต. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 2557;11(1):77-85.
ภรณ์ทิพย์ ศรีสุข, นงลักษณ์ เมธากาญจนศักดิ์. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองเพื่อควบคุมอาหารคาร์โบไฮเดรตและส่งเสริมการออกกำลังกาย ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี. 2565;30(1):12-23.
Polit DF, Beck CT. Nursing Research: Principles and methods. 9th ed. Philadelphia, PA: Lippincott Williams & Wilkins; 2012.
วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี, มลิวัลย์ บุตรดำ, อุทุมพร ดุลยเกษม. การออกกำลังกายกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 2563;7(11):396-408.
ประไพพรรณ ใจอักษร. ประสิทธิผลของโปรแกรมการให้ความรู้โรงเรียนเบาหวานและการติดตามระดับน้ำตาลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ โรงพยาบาลห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารวิชาการเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิและสาธารณสุข. 2568;3(2):260-73.
วรนุช แสงเจริญ, สงวน ลือเกียรติบัณฑิต, รวมพร สมประสงค์, สุริยา เขียวยศกิจ, ลัคนาภา จิตสุวรรณ, วิมพ์วิภา เหมทานนท์. การพัฒนาแบบวัดความรู้โรคเบาหวาน. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน. 2566;19(2):16-28.
นิตยา หนูนวล. ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการติดตามด้วยแอปพลิเคชันไลน์ ต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และระดับน้ำตาลในเลือด ของสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ. 2566; 6(2):e265772.
Best JW. Research in Education. 3rd ed. New Jersey: Prentice Hall;1977.
วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี, มลิวัลย์ บุตรดำ, ทัศณีย์ หนูนารถ, เบญจวรรณ ละหุการ. ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์: บทบาทพยาบาลกับการดูแล. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์. 2562;9(2):100-13.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9