ผลของการใช้นวัตกรรมสายวัด 2- in- 1 เพื่อคาดคะเนน้ำหนักทารกแรกคลอดในสตรีตั้งครรภ์ระยะคลอด
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุปกระสงค์เพื่อ 1)พัฒนานวัตกรรมสายวัด 2-in-1 ในการคาดคะเนน้ำหนักทารกแรกคลอด 2)เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้นวัตกรรมสายวัด 2-in-1 ในการคาดคะเนน้ำหนักทารกแรกคลอดเปรียบเทียบกับน้ำหนักทารกแรกคลอดจริงและ 3)เพื่อศึกษาการรับรู้ประสิทธิภาพต่อนวัตกรรมสายวัด 2-in-1 การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 การสร้างและพัฒนานวัตกรรมสายวัด 2-in-1 และตอนที่ 2 การใช้นวัตกรรม โดยศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการนำนวัตกรรมไปใช้โดย 2.1 ประเมินประสิทธิผลของนวัตกรรมสายวัด 2-in-1 โดยเปรียบเทียบน้ำหนักทารกแรกคลอดที่คาดคะเนได้จากการใช้นวัตกรรมกับน้ำหนักทารกแรกคลอดจริง และ 2.2 ประเมินการรับรู้ประสิทธิภาพต่อนวัตกรรมสายวัด 2-in-1 กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1)สตรีตั้งครรภ์ในระยะคลอด จำนวน 60 ราย และ 2) พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานห้องคลอด จำนวน 12 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ นวัตกรรมสายวัด 2-in-1 เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามการรับรู้ประสิทธิภาพของนวัตกรรม และแบบบันทึกน้ำหนักทารกแรกคลอดจากการคาดคะเน และน้ำหนักจริงหลังคลอด วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติ paired sample t-test เปรียบเทียบรายคู่ ผลการวิจัยพบว่า การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยน้ำหนักทารกจริงหลังคลอดกับที่คาดคะเนได้จากการใช้นวัตกรรมไม่แตกต่างกัน และคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ประสิทธิภาพต่อการใช้นวัตกรรมสายวัด 2-in-1 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ดังนั้น พยาบาลจึงควรนำนวัตกรรมสายวัด 2-in-1 เพื่อคาดคะเนน้ำหนักทารกแรกคลอดไปใช้ในการประเมินน้ำหนักทารกเบื้องต้น ในสตรีตั้งครรภ์ที่มาคลอด เพื่อช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนการคัดกรองสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการคลอดยากเพื่อจะได้วางแผนคลอดได้อย่างเหมาะสมและทันเหตุการณ์
คำสำคัญ : นวัตกรรมกสายวัด 2-in-1 การคาดคะเนน้ำหนักทารก สตรีตั้งครรภ์ น้ำหนักทารกแรกคลอด
Article Details
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในรามาธิบดีพยาบาลสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด ใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากรามาธิบดีพยาบาลสารก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Ruchob R, Sinsuksai N, Phahuwatanakorn W. Factors predicting delivery of low birthweight infants. Journal of
Nursing Science Index. 2015;33(3):18-29. (in Thai)
Anothaisathaporn N. Estimate fetal weight; 2018 [cited 2019 March 1]. Available form: http://www.med.cmu.
ac.th/ (in Thai)
Belete W, Gaym A. Clinical estimation of fetal weight in low resource settings: comparison of Johnson’s formula and the palpation method. Ethiop Med J. 2008;46(1):37-46.
Johnson RW. Calculations in estimating fetal weight. Am J Obstet Gynecol. 1957;74:929.
Nayak L, Pradhan K, Kruthika ML. Comparative study on Johnson’s formula, Insler’ s formula, and Hadlock’s
formula for estimating fetal weight at term. Journal of Evidence Based Medicine and Healthcare. 2017;4(11),
-5.
Labor room department, Nakhon Phanom Hospital. The birth record’s fiscal year 2019-2020. Nakhon Phanom:
Nakhon Phanom Hospital; 2020. (in Thai)
Johnson RW, Toshach CE. Estimation of fetal weight using longitudinal mensuration. Am J Obstet Gynecol. 1954;68:891‑6.
Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences, 2nd ed. Hillsdale, NJ: Erlbaum; 1988.
Techarungsan O, Suksong W. Comparative study of fetal birth weight by multiplication of intrapartum symphysiofundal height and maternal abdominal circumference: a case study conducted in Queen Savang Vadhana Memorial Hospital. Thai Red Cross Nursing Journal. 2018;11(1):161-70. (in Thai)
Phasook S. Innovation tape for predicting birth weight in pregnant mothers at Rayong Hospital; 2019 [cited 2019 March 7]. Available from: http://www.rayonghospital.net/sites /default/files/file upload/(in Thai)
The Medical News Wongkarnpat. Birth prediction tool-Lamphun Hospital: caesarean section risk assessment;
[cited 2019 August 17]. Available from: http://wongkarnpat.com/viewpat.php?id=875#.X2xl_WgzYdU (in Thai)
Itarat Y, Buppasiri P, Sophonvivat S. Fetal weight estimation using symphysio-fundal height and abdominal
girth measurements in different pre-pregnancy body mass indices. Thai J Obstet Gynaecol. 2017;25(3):167-74.
Yiheyis A, Alemseged F, Segni H. Johnson’s formula for predicting birth weight in pregnant mothers at Jimma
University Teaching Hospital, South West Ethiopia. Med
J Obstet Gynecol. 2016;4(3):1087.
