การพัฒนาและทดสอบความเป็นไปได้ของแนวปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัด

Main Article Content

Nisara Tanphan
Suchira Chaiviboontham
Phichpraorn Youngcharoen

บทคัดย่อ

ภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัด เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิแกนกายต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้ง 3 ระยะ คือระยะก่อนผ่าตัด ระยะผ่าตัด และระยะหลังผ่าตัดซึ่งพบได้มากถึงร้อยละ 90 สาเหตุเกิดจากร่างกายสร้างความร้อนลดลง และมีการสูญเสียความร้อนทางผิวหนังมากขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกาย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลนานขึ้น ตลอดจนมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวที่มากขึ้น ภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดเป็นภาวะที่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นการมีแนวปฏิบัติทางการพยาบาลในการป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดจะช่วยทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบครอบคลุมทั้งการประเมินและป้องกันการเกิด การใช้แนวปฏิบัติสามารถลดอุบัติการณ์การเกิดภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดได้อย่างมีนัยสำคัญ และแนวปฏิบัติการพยาบาลจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละหน่วยงาน การวิจัยนี้เป็นการพัมนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดที่เหมาะสมกับบริบทของโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิแห่งหนึ่ง โดยทบทวนหลักฐานเชิงประจักษ์ตามกรอบแนวคิด และศึกษาความเป็นไปได้และความพึงพอใจของวิสัญญีพยาบาลในการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลไปใช้ เพื่อให้ได้เครื่องมือในการปฏิบัติการพยาบาลอย่างเป็นมาตรฐาน และเพิ่มคุณภาพการให้บริการวิสัญญีสามารถให้การดูแลเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดแก่ผู้ป่วยตลอดระยะเวลาที่เข้ารับบริการผ่าตัด การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัด โดยใช้กรอบแนวคิดของ Soukup ร่วมกับแนวคิดของ Donabedian แบ่งการศึกษาเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาล แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน 1) การกำหนดปัญหาและขอบ เขตของปัญหา 2)การกำหนดวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย และผลลัพธ์ 3) การสืบค้นและประเมินคุณค่าหลักฐานเชิงประจักษ์ 4)การยกร่างแนวปฏิบัติการพยาบาล 5) การตรวจสอบคุณภาพของแนวปฏิบัติโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และระยะที่ 2 การศึกษาความเป็นไปได้และประเมินผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล กลุ่มตัวอย่างระยะที่ 1 คือ บทความ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดในผู้ป่วยที่เข้ารับบริการทางวิสัญญี ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ถึงปี พ.ศ. 2564 กลุ่มตัวอย่างระยะที่ 2 คือ วิสัญญีพยาบาลผู้ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลจำนวน 9 รายและผู้ป่วย 35 รายที่เข้ารับบริการผ่าตัดในช่วงเวลาที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1)แนวปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัด 2)แบบประเมินความเป็นไปได้และความพึงพอใจในการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล 3)แบบบันทึกการเก็บข้อมูลระหว่างผ่าตัด 4) อุปกรณ์วัดอุณหภูมิแกนกายผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลด้วย
สถิติเชิงพรรณนาและ สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ ผลการวิจัยพบว่าแนวปฏิบัติการพยาบาล ครอบคลุมการประเมินความเสี่ยง การป้องกันและจัดการภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำในผู้ป่วยที่เข้ารับบริการผ่าตัด ผลการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลนี้ไปใช้กับผู้ป่วยจำนวน 35 ราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าแนวปฏิบัติการพยาบาลนี้สามารถป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดได้โดยสามารถควบคุมอุณหภูมิแกนกายไม่ต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียสได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด พบว่าค่าเฉลี่ยอุณหภูมิแกนกายระหว่างผ่าตัดต่ำกว่าก่อน และหลังผ่าตัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ (F=46.65,p< .05) ด้านวิสัญญีพยาบาลผู้ใช้แนวปฏิบัติรายงานความเป็นไปได้และความพึงพอใจในการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลอยู่ในระดับสูงมาก แนวปฏิบัติการ พยาบาลที่พัฒนาขึ้นเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อการรับบริการ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ การนำแนวปฏิบัติการพยาบาลไปใช้ในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลอื่น ๆ อาจต้องปรับแนวปฏิบัติการพยาบาลให้เหมาะสมกับบริบทของโรงพยาบาลนั้น ๆ นอกจากนี้ควรศึกษาตัวแปรปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดเพิ่มเติม ได้แก่ ขนาดของตำแหน่งผ่าตัด และระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัด ตลอดจนศึกษาข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการผ่าตัดเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้อมูลโรคประจำตัวหัตถการ/การผ่าตัดที่ผู้ป่วยได้รับ เพื่อสามารถอภิปรายผลเรื่องภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนมากขึ้น


คำสำคัญ: แนวปฏิบัติการพยาบาล ความเป็นไปได้ ภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัดการป้องกัน ความพึงพอใจ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
Tanphan N, Chaiviboontham S, Youngcharoen P. การพัฒนาและทดสอบความเป็นไปได้ของแนวปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันภาวะอุณหภูมิแกนกายต่ำระหว่างผ่าตัด. Nurs Res Inno J [อินเทอร์เน็ต]. 29 เมษายน 2025 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];31(1). available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RNJ/article/view/270214
ประเภทบทความ
Research Articles

เอกสารอ้างอิง

Bindu B, Bindra A, Rath G. Temperature management under general anesthesia: compulsion or option. J Anaesthesiol Clin Pharmacol. 2017;33(3):306-16.

Sessler DI. Temperature Regulation and Monitoring. In:Miller RD,editor.Miller’s Anesthesia. Elsevier Saunders;2015.p.1892-922.

Moola S, Lockwood C. Effectiveness of strategies for the management and/or prevention of hypothermia within the adult perioperative environment.Int J Evid Based Healthc.2011;9(4):337-45.

Yi J, Lei Y, XuS,Si Y, LiS, Xia Z, et al. Intraoperative hypothermia and its clinical outcomes in patients undergoing general anesthesia: National study in China.PLoS One. 2017;12(6):1-13.

Laosuwan P. Anesthesiology Crisis. 1sted. Bangkok Department of Anesthesiology Faculty of Medicine Chulalongkorn University; 2020. (in Thai)

Chutipongtanate A. Temperature Monitoring. In:Jirasiritham S, editor. Ramathibodi textbook of basic science in anesthesiolo. Bangkok: Idea instant printing;2016.p. 590-597. (in Thai)

NICE. Inadvertent perioperative hypothermia overview [internet].2021[cited2021October10].Available from:

http:///pathways.nice.org.uk /pathways/inadvertent-perioperative-hypothermia.

SenkalS, Kara U. Guideline implementation and raising awareness for unintended perioperative hypothermia:Single-group‘before andafter’ study. Ulus Travma Acil Cerrahi Derg. 2020;26(5):719-727.

Saiborisut J, Billateh P, Chaibandit C. The development of clinical nursing practice guideline for prevention and management hypothermia in patients who undergo operation at a private hospital. Thai J Anesthesiol.2019;45(3):104-10. (in Thai)

Padungsak S, Bamrungwong S, Khongsamai T. The development of the clinical nursing practice guidelines for perioperative hypothermia prevention in patients undergoing operation. TJN. 2019;68(4):56-63. (in Thai)

Link, T. Guidelines inPractice: Hypothermia Prevention.AORN Journal. 2020;111(6):653-666.

Soukup SM. The center for advanced nursing practice evidence-based practice model. Nursing Clinicsof North America. 2000;35(2):301-309.

Eldar R. Book Review. In: An Introduction to Quality Assurancein Health Careby Donabedian A. CMJ. 2003;44(5):655.

Browne RH. Ontheuseof apilot sample for sample size determination.Stat Med. 1995;14(17):1933-40.doi:10.1002/sim.4780141709

The Joanna Briggs Institute. JBI Levels of Evidence [internet]. 2016 [cited 2021October 12].Available from

https://jbi.global/sites/default/files/2019-05/JBILevels-of-evidence_2014_0.pdf

Kannasoot P.Behavioral science research statistics. 4thed.Pathumthani; 1987. (in Thai)

Simegn GD, Bayable SD, Fetene MB. Prevention and management of perioperative hypothermia in adult elective surgical patients: A systematic review. Ann Med Surg(Lond). 2021;72(1):1-7.

Sari S, Aksoy SM, But A. The incidence of inadvertent perioperative hypothermia in patients undergoing general anesthesia and an examination of risk factors. Int J Clin Pract. 2021;75(6):1-9.

Connelly L, Cramer E, DeMott Q, Piperno J, Coyne B,Winfield C,Swanberg M. The Optimal Time and Method for Surgical Prewarming: A Comprehensive Review of the Literature. JPerianesth Nurs. 2017;32(3):199-209.

Collins S, Budds M, Raines C, Hooper V. Risk Factors for Perioperative Hypothermia: A Literature Review. J Perianesth Nurs. 2019;34(2):338-346.

Riley C, Andrzejowski J. Inadvertent perioperative hypothermia. BJA Educ. 2018;18(8):227-233.

McSwain JR,Maria Y,Doty JW,Wilson SH.Perioperative hypothermia:Causes,consequences and treatment.World J Anesthesiol. 2015;4(3):58-65.