ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการกับพฤติกรรม การบริโภคผัก ผลไม้ และอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็กวัยเรียน ตำบลวังชิ้น อำ เภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ, พฤติกรรมการบริโภคผัก, พฤติกรรมการบริโภคผลไม้, พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ, เด็กวัยเรียนบทคัดย่อ
ความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ เป็นแนวคิดที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของเด็กวัยเรียน การศึกษาครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการกับพฤติกรรมการบริโภคผัก ผลไม้และอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็กวัยเรียน ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 167 คน ศึกษาอยู่ในโรงเรียนในพื้นที่ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-Square ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 65.9 มีการบริโภคผักอยู่ในระดับต่ำ และร้อยละ 73.1 มีการบริโภคผลไม้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ร้อยละ 19.8 มีการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุระดับสูงอย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ53.9) มีความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการอย่างเพียงพอ โดยความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคผัก (x2 = 4.229, p-value = 0.040) พฤติกรรมการบริโภคผลไม้ (x2 = 4.045, p-value = 0.044) และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ (x2 = 2.085, p-value = 0.024) ดังนั้นการส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนมีพฤติกรรมการบริโภคผัก ผลไม้และลดการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมีความจำเป็นต้องสร้างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการควบคู่กับการสร้างความร่วมมือของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Health Promotion Glossary: Division of Health Promotion, Education and Communications, Health Education and Health Promotion Unit. Geneva: World Health Organization; 1998.
สำนักงานโครงการขับเคลื่อนกรมอนามัย 4.0 เพื่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน. แนวคิดหลักการขององค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ. กรุงเทพฯ: กรมอนามัย;2561.
Nutbeam D. The evolving concept of health literacy. Soc Sci Med. 2008;67:2072-2078.
วราภรณ์ ยังเอี่ยม. ความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ:นิยามและการประยุกต์ใช้. JPHSR. 2564;3:1-15.
Vaitkeviciute R, Ball LE, Harris N. The relationship between food literacy and dietary intake in adolescents: a systematic review. Public Health Nutr. 2015;18:649-58.
ladda Mo-suwan. clinical practice guideline for the pediatric inpatient treatment of severe acute malnutrition 2019. Thai JPEN. 2020;28:10-39.
Tenelanda-López D, Valdivia-Moral P, Castro-Sánchez M. eating habits and their relationship to oral health. Nutrients. 2020;12:2619.
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. รายงานการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของเด็กวัยเรียน ปี 2562; 2562. หน้า 69-87.
ณัฐญา อยู่สมบูรณ์.รายงานผลการสำรวจเพื่อประเมินผลการดำเนินงานทันตสาธารณสุข จังหวัดแพร่ 2562; 2562. หน้า 29-31.
Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educ Psychol Meas. 1970;30:607-10.
ปิ่นปินัทธ์ วณิชย์สายทอง. รายงานผลการดำเนินการการศึกษานำ ร่องการพัฒนาและการทดสอบคุณภาพเครื่องมือวัดความรอบรู้ดานอาหารและโภชนาการสำหรับเด็กประถม; 2564.
Best, J. Research in education. New Jersey: Prentice Hall; 1977.
LeBlanc J, Ward S, LeBlanc CP. The association between adolescents' food literacy, vegetable and fruit consumption, and other eating behaviors. Health Educ Behav Aug. 2022;49:603-12.
Saavedra JM, Prentice AM. Nutrition in school-age children: a rationale for revisiting priorities. Nutr Rev. 2023;81:823-43.
Wannasri S, Therawiwat M, Imamee N, Chongsuwat R. Fruit and vegetable dietary behaviors in elementary school students, Surat Thani Province, Thailand. TH J Health Edu. 2013;36:45-60.
สิรินทร์ยา พูลเกิด, อภิชาติ จำรัสฤทธิ์รงค์, รศรินทร์ เกรย์, สาสินี เทพสุวรรณ์, ณัฐจีรา ทองเจริญชูพงศ. รายงาน. โครงการติดตามพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทย ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2562; 2563. หน้า 168–71.
Hu J, Jiang W, Lin X, Zhu H, Zhou N, Chen Y, et al. Dental caries status and caries risk factors in students ages 12-14 years in Zhejiang, China. Med Sci Monit. 2018;24:3670-8.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ลงใน Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด หากบุคคลหรืหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ก่อนเท่านั้น