ความชุกของภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติใน ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับยาเมทฟอร์มินระยะยาวร่วมกับวิตามินบีเสริม
คำสำคัญ:
ภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติ, ยาเมทฟอร์มิน, วิตามินบี, เบาหวานชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การใช้ยาเมทฟอร์มินระยะเวลานานมีความสัมพันธ์กับการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติ จึงมักมีการเสริมวิตามินบีให้แก่ผู้ป่วยที่ได้รับยาเมทฟอร์มิน งานวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวางนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับเมทฟอร์มินระยะยาวร่วมกับวิตามินบีเสริม โดยเก็บข้อมูล ณ แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในช่วงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567
จากผู้ป่วยทั้งหมด 161 คน เป็นเพศหญิงจำ นวน 113 คน (ร้อยละ 70.2) มัธยฐานของอายุคือ 74 ปี (ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ 65-81 ปี) ขนาดยาเมทฟอร์มินที่ใช้อยู่ในช่วง 1,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน โรคร่วมที่พบมากที่สุดคือ โรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันในเลือดสูง จำ นวน 126 คน (ร้อยละ 78.26) ผลิตภัณฑ์วิตามินบีเสริมชนิดรับประทานที่มีการ
สั่งใช้ร่วมมากที่สุดคือ วิตามินบีรวม จำนวน 79 คน (ร้อยละ 63.49) ซึ่งมีวิตามินบี 12 ในปริมาณ 20-200 ไมโครกรัมต่อเม็ด ในการศึกษานี้พบความชุกของภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติ ร้อยละ 2.5 (4 คนจาก 161 คน) อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ของขนาดยาเมทฟอร์มิน ขนาดของวิตามินบี 12 ในผลิตภัณฑ์วิตามินบีเสริม กับการเกิดภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติในกลุ่มผู้เข้าร่วมการวิจัย (p-value = 0.824 และ p-value = 0.358 ตามลำ ดับ)
งานวิจัยนี้พบภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่กว่าปกติในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับเมทฟอร์มิน ระยะยาวร่วมกับวิตามินบีเสริม อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำ นวนกลุ่มตัวอย่างน้อยและไม่ทราบถึงความร่วมมือในการรับประทานยาของผู้ป่วย จึงต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Diabetes [internet]. 2023 [cited 2024 Feb 25]. Available from: https://www.who.int/newsroom/factsheets/detail/diabetes#:~:text=Overview,hormone%20that%20regulates%20blood%20glucose.
International Diabetes Federation. IDF Diabetes Atlas: Thailand diabetes report 2000–2045 [Internet]. 2021 [cited 2024 Feb 25]. Available from: https://diabetesatlas.org/data/en/country/196/th.html
Centers for Disease Control and Prevention. Prevent diabetes complications [internet]. 2022 [cited 2024 Feb 25]. Available from: https://www.cdc.gov/diabetes/managing/problems.html
สถาบันโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566 [อินเตอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://drive.google.com/file/d/1OAIDiCyGsJYA1-wTAxoOu6yL_YL9c7IG/view
Makin V. Lansang M.C. Should metformin be used in every patient with type 2 diabetes? Cleve Clin J Med. 2019;86:17–9.
Kim J, Ahn CW, Fang S, Lee HS, Park JS. Association between metformin dose and vitamin B12 deficiency in patients with type 2 diabetes. Medicine (Baltimore). 2019;98(46):e17918.
Porter KM, Ward M, Hughes CF, O'Kane M, Hoey L, McCann A, et al. Hyperglycemia and metformin use are associated with B vitamin deficiency and cognitive dysfunction in older adults. J Clin Endocrinol Metab. 2019;104(10):4837-47.
สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย. Megaloblastic Anemia. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับการรักษาโลหิตจางและธาลัสซีเมีย 2019;5:47-60.
Densupsoontorn N, Sumboonnanonda R. Vitamin B12 and clinical application. Thai JPEN 2020;28(2):66-77.
Filioussi K, Bonovas S, Katsaros T. Should we screen diabetic patients using biguanides for megaloblastic anaemia? Aust Fam Physician. 2003;32(5):383-4.
Rehman HU. Vitamin B12 deficiency: some observations, some misconceptions. Eur J Gen Med. 2015;12(3):261-6.
Stabler SP. Vitamin B12 deficiency. N Engl J Med. 2013;368(2):149-160.
Ting RZ, Szeto CC, Chan MH, Ma KK, Chow KM. Risk factors of vitamin B(12) deficiency in patients receiving metformin. Arch Intern Med. 2006;166(18):1975-9.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ลงใน Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด หากบุคคลหรืหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด ก่อนเท่านั้น