Login or Register to make a submission.

As part of the submission process, authors are required to check off their submission's compliance with all of the following items, and submissions may be returned to authors that do not adhere to these guidelines.

  • The submission has not been previously published, nor is it before another journal for consideration (or an explanation has been provided in Comments to the Editor).
  • The submission file is in OpenOffice, Microsoft Word, or RTF document file format.
  • Where available, URLs for the references have been provided.
  • The text is single-spaced; uses a 12-point font; employs italics, rather than underlining (except with URL addresses); and all illustrations, figures, and tables are placed within the text at the appropriate points, rather than at the end.
  • The text adheres to the stylistic and bibliographic requirements outlined in the Author Guidelines.

การส่งบทความและการตีพิมพ์ในวารสาร

ผู้เขียนที่สนใจจะส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ใน “วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย” กรุณาศึกษาแนวทางการเขียนตาม “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน [Author Guidelines]” ทางระบบออนไลน์ที่ https://www.tci-thaijo.org/index.php/information/authors ก่อนการเตรียมต้นฉบับ แล้วดำเนินการลงทะเบียนได้ที่ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/apnj/about/submissions โดยกดเลือก [register] และดำเนินการลงทะเบียนให้เรียบร้อย จึงจะสามารถ [log in] เพื่อส่งบทความทางระบบออนไลน์เข้ารับการพิจารณาตามกระบวนการของวารสารฯ โดยบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ตรงกับสาขาฯ อย่างน้อย 3 ท่าน และบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารฯ ถือเป็นความคิดเห็นและเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนและคณะฯ เท่านั้น ทางวารสารฯ    ไม่จำเป็น ต้องเห็นด้วย  หรือมีส่วนร่วมรับผิดชอบรร่วมด้วยแต่อย่างใด

คำแนะนำสำหรับผู้เขียน

วารสารวารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย (Thai Journal of Nursing and Midwifery Practice: tjnmp) เป็นวารสารวิชาการฉบับภาษาไทย ดำเนินการโดย สมาคมผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง (ประเทศไทย) ร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลและผดุงครรภ์ขั้นสูงแห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนของ สภาการพยาบาล เป็นแหล่งรวบรวมและตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ที่ได้จากการปฏิบัติการพยาบาลและการวิจัยเชิงพัฒนาคุณภาพของการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสร้างความร่วมมือและเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนานวัตกรรมและการปฏิบัติตามหลักฐานความรู้เชิงประจักษ์ของพยาบาลในระดับชาติและนานาชาติ  ผู้เขียนที่สนใจจะส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ใน “วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย” กรุณาศึกษาแนวทางการเขียนตามคำแนะนำสำหรับผู้เขียน ดังนี้

(หมายเหตุ: คำแนะนำฉบับนี้ให้เริ่มใช้กับบทความที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปีที่ 11 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป) 
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  https://drive.google.com/file/d/1EYPVAfMqNGIHdMFFzLDhohCqKweDMOLp/view?usp=sharing

1. เงื่อนไขในการตีพิมพ์บทความ

    • ผู้นิพนธ์จะต้องเตรียมต้นฉบับบทความ การอ้างอิงให้เป็นไปตามรูปแบบที่วารสารฯ กำหนด และผู้นิพนธ์จะต้องนำส่งบทความ (Submit) ด้วยบัญชี (ThaiJO User Account) ของผู้นิพนธ์ผ่านระบบ ThaiJO ที่ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/apnj/about/submissions
    • บทความต้นฉบับที่ส่งมารับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฯ จะต้องไม่เคยเผยแพร่หรือกำลังอยู่ในระหว่างการประเมินของวารสารอื่น
    • บทความที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในมนุษย์และสัตว์ทดลอง (แล้วแต่กรณี) ให้ผู้เขียนแนบหนังสือรับรองจริยธรรมจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์หรือสัตว์ทดลองมาพร้อมกับบทความที่ส่งมารับการพิจารณาตีพิมพ์
    • ผู้นิพนธ์จะต้องส่งผลการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมบทความจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Turn-It-In หรือโปรแกรม Copy Catch หรือโปรแกรมอื่นที่เป็นที่ยอมรับ
    • มีรายการอ้างอิงทั้งในเนื้อหาและท้ายบทความครบถ้วน ตรงกัน และถูกต้องตามรูปแบบ Vancouver ที่วารสารฯ กำหนด
    • หากบทความได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ ผู้เขียนจะมีค่าใช้จ่ายตามอัตราค่าตีพิมพ์ โดยชำระเงินค่าธรรมเนียมหลังจากได้รับแจ้งจากทางวารสารฯ แล้วเท่านั้น
    • บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารฯ จะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ ในสาขาของบทความ จากหลากหลายสถาบัน อย่างน้อย 3 ท่าน โดยในกระบวนการประเมินคุณภาพจะไม่เปิดเผยให้เจ้าของบทความทราบว่าใครคือผู้ประเมินและผู้ประเมินจะไม่ทราบว่าบทความนั้นเป็นของผู้ใด (Double Blind Peer Review)
    • บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารฯ ถือเป็นความคิดเห็นและเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนและคณะฯ เท่านั้น ทางวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย  หรือมีส่วนร่วมรับผิดชอบร่วมด้วยแต่อย่างใด

2. การเตรียมต้นฉบับ

    • ต้นฉบับ พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมไมโครซอฟท์ เวิร์ด (Microsoft Word) ใช้ตัวอักษร AngsanaUPC ขนาดหน้ากระดาษ A4 เว้นห่างจากขอบ 1 นิ้วโดยรอบ ความยาวไม่ควรเกิน 12 หน้า (ไม่รวมเอกสารอ้างอิง) ใช้การอ้างอิงแบบแวนคูเวอร์ (Vancouver Style) ตามที่วารสารกำหนด
    • ประเภทบทความ (เช่น รายงานวิจัย (research report) โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการปฏิบัติ (capstone project) การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (systematic reviews) การพัฒนาแนวปฏิบัติทางคลินิก (development of practice guidelines) รายงานกรณีศึกษา (case report) บทความวิชาการ (academic article) บทความปกิณกะ (miscellaneous) และอื่น ๆ) ให้พิมพ์ด้วยตัวหนา ขนาด 18 point และจัดให้ชิดขวา (Align Right) ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
    • ชื่อบทความ ใช้ตัวหนา ขนาด 18 point โดยจัดให้อยู่กลาง (Center) หน้ากระดาษ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
    • ชื่อผู้เขียนและคุณวุฒิ (สาขา ถ้ามี) ใช้ตัวเอียง ขนาด 16 point มีเลขอารบิกยกเป็นเชิงอรรถหน้าชื่อผู้แต่ง โดยให้อยู่ใต้ชื่อเรื่อง และจัดชิดขวา (Align Right)
    • ตำแหน่งทางวิชาการ สถานที่ทำงาน/สังกัดของผู้เขียน อีเมลของผู้รับผิดชอบหลัก (Corresponding Author) และสถานะของรายงานการวิจัย (กรณีเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์) ใช้ตัวเอียง ขนาด 16 point  ให้พิมพ์ไว้เป็นเชิงอรรถในหน้าแรกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

ข้อมูลของผู้นิพนธ์

ตัวอย่าง

1 ตำแหน่งทางวิชาการ (ถ้ามี) สังกัดของผู้แต่งคนที่ 1 จังหวัด

2 ตำแหน่งทางวิชาการ (ถ้ามี) สังกัดของผู้แต่งคนที่ 2 จังหวัด

ตัวอย่าง เช่น

  • กรณีผู้นิพนธ์เป็นนักศึกษา

1 Master of Nursing Student, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla

  • กรณีผู้นิพนธ์เป็นพยาบาลวิชาชีพ

1 Registered nurse, Professional Level, Songklanagarind Hospital, Songkhla

1Registered nurse, Senior Professional Level, Songklanagarind Hospital, Songkhla

  • กรณีผู้นิพนธ์เป็นอาจารย์

2 Lecturer, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla,

2 Assistant Professor, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla

 2Associate Professor, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla

3Professor, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla

  • หากผู้นิพนธ์ท่านใดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ให้ระบุอีเมลที่ผู้นิพนธ์ที่ ดังนี้

 2Associate Professor, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University, Songkhla; Corresponding author, E-mail: praneed.s@psu.ac.th

    • บทคัดย่อ (Abstract) ทั้งไทยและอังกฤษ ใช้ตัวปกติ ขนาด 16 point มีจำนวนไม่เกิน 300 คำ เนื้อหาประกอบด้วย วัตถุประสงค์ วิธีการ ผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ
    • คำสำคัญ (Keywords) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีจำนวน 3-5 คำ คั่นคำสำคัญด้วย ; (กรณีเป็นภาษาอังกฤษให้ใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็ก) คำสำคัญให้เรียงลำดับตามเนื้อหา
    • เนื้อหา พิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาด 16 pt และให้เรียงหัวข้อ ตามลำดับ ดังนี้

บทความวิจัย (Research Article) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. ความเป็นมาและความสำคัญ
  3. วัตถุประสงค์
  4. ระเบียบวิธีวิจัย
  5. จริยธรรมการวิจัย
  6. การวิเคราะห์ข้อมูล
  7. ผลการวิจัย
  8. อภิปรายผล
  9. ข้อเสนอแนะ
  10. เอกสารอ้างอิง

โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการปฏิบัติ (Capstone project) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. ความเป็นมาและความสำคัญ
  3. วัตถุประสงค์
  4. วิธีการดำเนินโครงการ
  5. การวิเคราะห์ข้อมูล
  6. ผลการดำเนินโครงการ
  7. อภิปรายผล (ปัจจัยส่งเสริมและปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินโครงการ)
  8. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
  9. เอกสารอ้างอิง

การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (Systematic review) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. ความเป็นมาและความสำคัญ
  3. วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรม
  4. วิธีการทบทวนวรรณกรรม
  5. การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์
  6. การประเมินคุณภาพและคัดเลือกวรรณกรรม
  7. การวิเคราะห์ข้อมูล
  8. การนำเสนอผล
  9. ข้อจำกัดของการทบทวนวรรณกรรม
  10. ข้อเสนอแนะในการนำผลไปใช้
  11. เอกสารอ้างอิง

การพัฒนาแนวปฏิบัติทางคลินิก (Development of clinical practice guidelines) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. ความเป็นมาและความสำคัญ
  3. วัตถุประสงค์ของการพัฒนาแนวปฏิบัติ
  4. แนวคิดการพัฒนาแนวปฏิบัติ
  5. วิธีการพัฒนาแนวปฏิบัติ
  6. การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์
  7. การประเมินคุณภาพและคัดเลือกหลักฐาน
  8. แนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้น
  9. ข้อเสนอแนะในการนาแนวปฏิบัติไปใช้
  10. ข้อจำกัดในการพัฒนาแนวปฏิบัติ
  11. เอกสารอ้างอิง

รายงานกรณีศึกษา (Case study/report) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. บทนา
  3. ตัวอย่างกรณีศึกษา
  4. การวิเคราะห์ตัวอย่างกรณีศึกษา
  5. สรุปและอภิปราย
  6. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  7. เอกสารอ้างอิง

บทความวิชาการ (Academic article) ประกอบด้วย

  1. บทคัดย่อ (ไทย/อังกฤษ)
  2. บทนา
  3. เนื้อเรื่อง
  4. บทสรุป
  5. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  6. เอกสารอ้างอิง
    • เอกสารอ้างอิง ไม่ควรเกิน 25 รายการ (เขียนเป็นภาษาอังกฤษ) และต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี และในกรณีที่มีความจำเป็นบรรณาธิการฯ จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
    • ตาราง ภาพประกอบ หรือแผนภูมิ (ถ้ามี) ตารางให้มีจำนวนไม่เกิน 3 ตาราง ภาพ หรือ แผนภูมิให้มีจำนวนไม่เกิน 2 ตาราง  โดยระบุในเนื้อเรื่อง ไม่ต้องพิมพ์แยก (กรณีคัดลอกจากแหล่งอื่นที่อาจมีลิขสิทธิ์และการอ้างอิงหรือขออนุญาตด้วย)

การเขียนรายการอ้างอิงตามรูปแบบแวนคูเวอร์ (Vancouver Style)

การเขียนรายการอ้างอิงตามรูปแบบแวนคูเวอร์ (Vancouver Style) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การอ้างอิงในเนื้อหา (In – Text Citation) และการอ้างอิงท้ายบท (Reference)  ดังนี้

  1. การอ้างอิงเนื้อหา (In – Text Citation)

แบบเน้นผู้เขียน ให้ใส่เลขอารบิกยกหลังชื่อผู้เขียน เช่น

 

….คำนวณหาขนาดตัวอย่างโดยการเปิดตารางสำเร็จรูป ของ Polit and Beck24 ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มละ 25 คน และเพิ่มขนาดกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20….

 

… เช่นเดียวกับการศึกษาของ Wang, et al.22 ซึ่งรายงานว่า การมีแหล่งสนับสนุนให้คำปรึกษาแก่ผู้ดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บสมองเมื่อกลับไปอยู่บ้านช่วยให้ผู้ดูแลมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นและช่วยลดความวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วย…

 

โปรดสังเกต

  • หากผู้เขียนมีจำนวน 2 คน ให้เชื่อมนามสกุลผู้แต่งด้วย and เช่น Boonsanu and Yunibhand
  • หากผู้เขียนมีจำนวน 3 คน ให้เชื่อมนามสกุลผู้แต่งด้วย , และ and เช่น Sangkaew, Nukaew  and Suttharangsee
  • หากผู้เขียนมีจำนวนมากกว่า 3 คน ให้ลงนามสกุลผู้แต่งเพียง 1 คนแล้วตามด้วย , et al เช่น Punja, et al.

 

แบบเน้นเนื้อหา ให้ใส่เลขอารบิกยกหลังข้อความที่อ้างอิง เช่น

…โรคไตเรื้อรัง (CKD) เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญทั่วโลก เนื่องจากมีอุบัติการณ์เพิ่มและมีความชุกสูง ขึ้น พบว่าเกือบ 700 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 8 ของประชากรทั่วโลกเป็นโรคไตเรื้อรัง1….

…..ซึ่งโทรศัพท์มือถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 14-16….

….จากปัญหาความไม่เพียงพอของพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่น ๆ ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือศูนย์สุขภาพชุมชน เป็นอุปสรรคหนึ่งของกระบวนการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านเพื่อการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง8,12

โปรดสังเกต: การอ้างอิงในเนื้อหาแบบหลายรายการ หากเลขอ้างอิงมีลำดับที่เรียงกันอย่างต่อเนื่อง ให้ใช้เครื่องหมายยติภังค์ (-)  คั่นระหว่างเลข เช่น 11-16   หรือ 6-7 แต่ถ้าเลขอ้างอิงไม่เรียงกันให้ใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นระหว่างเลข เช่น 8,11,25

  1. การอ้างอิงท้ายบท (Reference) มีหลักการเขียนดังนี้
    • พิมพ์รายการอ้างอิงตามลำดับที่ด้อ้างอิงไว้ในเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ
    • พิมพ์หมายเลขลำดับการอ้างอิงไว้ชิดขอบกระดาษด้านซ้าย หากรายการอ้างอิงมีความยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดให้พิมพ์บรรทัดถัดไปโดยย่อหน้าให้ตรงกับข้อความในบรรทัดแรก
    • รูปแบบการอ้างอิงจะแตกต่างกันตามประเภทของเอกสารที่นำมาอ้างอิง ดังตัวอย่าง

ตัวอย่างการเขียนรายการอ้างอิงท้ายบท (Reference) ตามประเภทของเอกสาร

  1. หนังสือ (Book)

ตัวอย่าง

1Pormnoppadol C. Attention deficit hyperactivity disorder. Bangkok: Siriraj Book; 2018. Thai.

2Sitdhiraksa N, Wansawak K, Wanrit K, et al. Psychiatry Siriraj DSM-V. 2nd ed. Bangkok: Prayoonsan Thai Printing; 2015. Thai.

3Hair JF, Black WC, Babin BJ, et al. Multivariate data analysis. 7th ed. New Jersey: Pearson Education; 2010.

  1. หนังสือที่มีเฉพาะบรรณาธิการเป็นผู้รวบรวม (Edited Book)

ตัวอย่าง

1Norasan S, Saibai P, editors.  Trauma nursing. Bangkok: Ramathibodi Hospital; 2016. Thai.

  1. บทที่อยู่ในหนังสือ (Chapter in Book)

ตัวอย่าง

Meltzer PS, Kallioniemi A, Trent JM. Chromosome alterations in human solid tumors. In:           Vogelstein B, Kinzler KW, editors. The genetic basis of human cancer. New York: McGraw-Hill;               2002. p. 93-113.

  1. บทความในวารสาร (Journal/E-journal)

ตัวอย่าง

1Paiva ED, Zanchetta MS, Londoño C. Innovation in thinking and scientific action: The method of design thinking for nursing.  Escola Anna Nery.  2020;  24(4): 1-5.  doi: 10.1590/2177-9465-EAN-2019-0304.

 

  1. การอ้างอิงจากเว็บไซต์ (Internet/Website)

ตัวอย่าง

1Cox M. Design thinking in healthcare [Internet]. 2015 [cited 2023 Jan 18]. Available from:  https://www.researchgate.net/publication/281408556_Design_Thinking_in_Healthcare.

 

2Department of Disease Control, Division of Communicable Disease. Coronavirus disease 2019 (COVID-19) situation: Public health measures and barriers to disease prevention among traveler [Internet]. 2021 [cited 2022 May 21]. Available from: https://ddc.moph.go.th/uploads/files/2017420210820025238.pdf.

 

3Wood-database.com. Balsa [Internet].  [date unknown] [cited 2023 Feb 3]. Available from: https://www.wood-database.com/balsa.

 

  1. ปริญญานิพนธ์

ตัวอย่าง

1Balthip Q. Achieving harmony of mind: A grounded theory study  of  people  living  with  HIV/AIDS  in  the  Thai context  [dissertation]. New Zealand:  Massey, Palmerton North, University; 2010. 301p.

  1. บทความที่นำเสนอในที่ประชุมวิชาการ (Conference Paper)

ตัวอย่าง

1Christensen S, Oppacher F. An analysis of Koza's computational effort statistic for genetic

 programming. In: Foster JA, Lutton E, Miller J, Ryan C, Tettamanzi AG, editors. Genetic

 programming. EuroGP 2002: Proceedings of the 5th European Conference on Genetic

 Programming; 2002 Apr 3-5; Kinsdale, Ireland. Berlin: Springer; 2002. p. 182-91.

 

โปรดสังเกต

  • หากผู้เขียนมีจำนวนไม่เกิน 3 คน ให้ลงนามสกุลผู้แต่งทุกคน เช่น

Nukaew O.

Sangkaew T, Nukaew O, Suttharangsee W.

Boonsanu K, Yunibhand J.

 

  • หากผู้เขียนมีจำนวนมากกว่า 3 คน ให้ลงนามสกุลผู้แต่งเพียง 3 คนแล้วตามด้วย , et al เช่น Punja S, Shamseer L, Hartling L, et al.

 

  • ชื่อหนังสือให้ใช้อักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด ยกเว้นอักษรตัวแรกของชื่อเรื่อง/บทความ อักษรตัวแรกที่อยู่หลังเครื่องหมาย : และชื่อเฉพาะ เช่น

Interpersonal relations in nursing.  (I คือ อักษรแรกของชื่อเรื่อง/บทความ)

Data and statistics of child psychiatry report: Southern Institute of Child and Adolescent Psychiatry (ชื่อหน่วยงานเป็นชื่อเฉพาะ)

Defining and measuring health literacy: What can we learn from literacy studies?  (อักษรตัวแรกที่อยู่หลังเครื่องหมาย : )

  • หากปรากฏผู้แต่งที่เป็นนิติบุคล เช่น ชื่อหน่วยงาน ชื่อเว็บไซต์ ให้ลงชื่อหน่วยงาน ชื่อหนังสือหชื่อหนังสือ หรือชื่อเว็บไซต์นั้น ๆ หากมีหน่วยงานย่อยให้คั่นด้วย , เช่น 

1Ministry of Interior, Center for COVID-19 Situation Admiration (CCSA)

  • ครั้งที่พิมพ์ ให้ระบุเฉพาะหนังสือที่ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป เช่น

 2nd ed. (โดย nd ไม่ต้องเป็นตัวยก และเขียนติดกับตัวเลข)

  • สถานที่พิมพ์ ให้ใช้ชื่อจังหวัด หรือเมืองที่พิมพ์ เช่น  New Jersey   New York หากเป็นเมืองที่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ให้ระบุชื่อย่อของรัฐ เช่น

Baca Raton (FL): 

Hartford (CN):

  • สำนักพิมพ์ ให้ตัดส่วนอื่น ๆ ออก เช่น Publisher, Publishing, Limited, Company, Co. เป็นต้น ให้เหลือไว้เพียงชื่อของสำนักพิมพ์ และในกรณีไม่ปรากฏสำนักพิมพ์ ให้ชื่อสถาบันที่ผู้แต่งสังกัดแทน แต่ถ้าไม่สามารถระบุสังกัดของผู้แต่งได้ ให้เขียนว่า [publisher unknown]
  • ปีที่พิมพ์ ให้ใช้เป็น ค.ศ. หากไม่สามารถระบุปีพิมพ์ได้ ให้เขียนว่า [date unknown]
  • เดือนที่อ้างถึง (cited) ให้ใช้แบบย่อ และเรียงจาก ปี เดือน วันที่ เช่น  [cited 2023 Sep 13]
  • ชื่อวารสาร ให้ใช้ชื่อย่อ โดยสามารถค้นหาชื่อย่อของวารสารภาษาไทยที่อยู่ในฐาน TCI ได้ที่ https://tci-thailand.org/list%20journal.php หากไม่ได้อยู่ในฐาน TCI ให้ใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษของวารสารนั้น ๆ สำหรับการค้นหาชื่อย่อของวารสารภาษาอังกฤษ ได้จาก https://www.nlm.nih.gov ทั้งนี้หากวารสารไม่มีชื่อย่อให้ใช้ชื่อเต็มภาษาอังกฤษของวารสาร
  • วารสารที่มีฉบับเพิ่มเติม (Volume with Supplement) หรือเป็นฉบับพิเศษของฉบับที่ (Issue with Supplement) ให้ใช้คำย่อเป็น Suppl เช่น

40(Suppl)  (เป็นฉบับเพิ่มเติมของ Volume 40)

25(7Suppl) (เป็นฉบับพิเศษของ Issue 7)

  • เลขหน้า ให้ใช้แบบย่อ เช่น

หน้า 320 – 380 ให้เขียนเป็น p. 320-80.

หน้า 120 – 129 ให้เขียนเป็น p. 120-9.

  • เลข doi บทความใดที่มี doi ให้ใส่ด้วย  และเขียนแบบสั้น โดยการตัด https://doi.org/ ออก เช่น

doi: https://doi.org/10.1007/BF0098859322 เขียนเป็น doi: 10.1007/BF0098859322

  • หนังสือ/บทความภาษาไทย ให้ลงท้ายรายการอ้างอิงนั้นด้วย
  • การอ้างอิงข้อมูลแต่ละส่วนให้เว้น 1 วรรค