การปฏิบัติและอุปสรรคในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ ของพยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วยวิกฤต
คำสำคัญ:
ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ, การปฏิบัติ, อุปสรรค, การป้องกัน, หอผู้ป่วยวิกฤตบทคัดย่อ
การปฏิบัติในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจปลอดภัยจากการเกิดปอดอักเสบในโรงพยาบาล การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปฏิบัติและอุปสรรคในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจของพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยวิกฤตในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3 แห่ง จำนวน 262 คน รวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ให้กลุ่มตัวอย่างตอบด้วยตนเอง ประกอบด้วยข้อมูล 3 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง การปฏิบัติ และอุปสรรคในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ แบบสอบถามผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 6 ท่าน ได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาของแบบสอบถามการปฏิบัติและอุปสรรค 0.95 และ 0.94 ตามลำดับ ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามการปฏิบัติและอุปสรรคเท่ากับ 0.94 และ 0.74 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า การปฏิบัติในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจของกลุ่มตัวอย่างใน 9 กิจกรรมหลัก คือ การทำความสะอาดมือ การจัดท่านอน การดูแลแผลเจาะคอ การดูแลช่องปากและฟัน การดูดเสมหะ การให้อาหารทางสายให้อาหาร การหย่าเครื่องช่วยหายใจ การดูแลท่อช่วยหายใจและอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ และการจัดการสิ่งแวดล้อม ในภาพรวมและรายกิจกรรมอยู่ในระดับดี แต่พบว่าบางกิจกรรมกลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติทุกครั้งน้อย ได้แก่ ฟอกมือครบทุกขั้นตอนนานอย่างน้อย 30 วินาที กรณีทำความสะอาดมือด้วยน้ำและน้ำยาทำลายเชื้อ (ร้อยละ 44.7) การวัดความดัน cuff pressure ของท่อช่วยหายใจก่อนการดูดเสมหะ (ร้อยละ 32.8) อุปสรรคในการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจด้านบุคลากร ด้านสิ่งสนับสนุน และด้านการบริหารจัดการในภาพรวมอยู่ในระดับต่ำ สิ่งที่กลุ่มตัวอย่างพบว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญคือ อัตรากำลังไม่เพียงพอ (ร้อยละ 26.2) และภาวะเร่งรีบขณะช่วยชีวิตผู้ป่วย (ร้อยละ 20.2) ตามลำดับ
ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นความจำเป็นในการส่งเสริมการปฏิบัติในการทำความสะอาดมือ รวมทั้งการจัดสรรอัตรากำลังอย่างเพียงพอ เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วยวิกฤตป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
Aramrom, Y. (2015). Evidence-based practices in prevention of the ventilator-associated pneumonia (VAP). The Southern College Network Journal of Nursing and Public Health.2(3),144-158. (in Thai)
Beuret, P., Philippon, B., Fabre X., & Kaak, M. (2012). Effect of tracheal suctioning on aspiration past the tracheal tube cuff in mechanically ventilated patients. Retrieved from https://annalsofintensivecare.springeropen.com/articles/10.1186/2110-5820-2-45
Brooke, J., Deckera, K., & Palmorea, N. (2013). The Role of Water in Healthcare-Associated Infections. Current Opinion in Infectious Diseases. 26(4), 345–351.
Elsevier, B.V. (2016). The role of the intensive care unit environment and health-care workers in the transmission of bacteria associated with hospital acquired infections. Journal of Infection and Public Health, 9(1), 13-23.
Kawinam, P., Nguegngam, T., & Assawapalanggool, S. (2017). Effects of the development for promotional program for the implementation of ventilator associated pneumonia prevention-guidelines. Journal of Nursing Division, 44(3), 34-57. (in Thai)
Kollef, M. H., Chastre, J., Fagon, J. Y., François, B., Niederman, M. S., Rello, J., Torres, A., Vincent, J. L., Wunderink, R. G., Go, K. W. (2014). Global prospective epidemiologic and surveillance study of ventilator-associated pneumonia due to Pseudomonas aeruginosa. Critical Care Medicine, 42, 2178-2187.
Kollef, M. H., Hamilton, C., & Ernst, R. (2012). Economic impact of ventilator-associated pneumonia in a large matched cohort. Infection Control & Hospital Epidemiology, 33(3), 250-256.
Kraibut, K. (2008). Effects of promoting clinical practice guideline implementation on nurses’practices and incidence of ventilator-associated pneumonia in a general hospital (Master of Nursing Science, Infection Control Nursing). Graduate School, Chiang Mai University. (in Thai)
Mearkle, R., Houghton, R., Bwonya, D., & Lindfield, R., (2016). Barriers to hand hygiene in ophthalmic outpatients in Uganda: A mixed methods approach. Journal of Ophthalmic Inflammation and Infection. Retrieved from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4794470/pdf/12348_2016_Article_77.pdf
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2004). Assessing data quality in nursing research: Principles and methods. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.
Ruksakun, P., Boonkartrum, N., Mepraseart, B., & Kraibut, K. (2012). Effect of developing a bundle of care for the prevention of ventilator-associated pneumonia in Sakon Nakhon hospital. Retrieved from http://203.157.168.41/fish_roop/web/r2r/data/VIGAI0280.docx
Ruttichoti, J. (2007). Nurses’ Practices for Preventing ventilator-associated pneumonia among patients in intensive care units of a regional hospital (Master’s thesis, Nursing Science in Adult Nursing). Songkhla University. (in Thai)
Srireaungrut, W. (2013). The development and evaluation of clinical nursing practice guideline for preventing ventilator-associated pneumonia in intensive care unit, Had yai Hospital (Master’s thesis, Nursing Science in Adult Nursing). Songkhla University. (in Thai)
The Infection Control Committee Surin Hospital. (2015). Infection control annual report Surin Hospital 2015. Infection Control Surin Hospital.
THIP. (2016). โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเปรียบเทียบวัดระดับคุณภาพโรงพยาบาล. Retrieved from http://www.ha.or.th/ha 2016/thip/thip.htm
Unahalekhaka, A., Lueang-a-papong, S., & Chitreecheur, J. (2014). Prevention of multidrug resistant organism infections in intensive care units. Faculty of Nursing, Chiang Mai University. Retrieved from kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/4265?locale-attribute=th
(in Thai)
World Health Organization. (2009). WHO guidelines on hand hygiene in health care. Switzerland: WHO Press. Retrieved from http://apps.who.int/iris/bitstream/10665/44102/1/9789241597906_eng.pd
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis (2nd ed.). New York: Harper & Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
