ประสิทธิผลการใช้แนวปฏิบัติทางวิสัญญีในการส่งเสริมการฟื้นตัว หลังผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้อง
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติ, การส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัด, การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้องบทคัดย่อ
การวิจัยดำเนินการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางวิสัญญีในการส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้อง ในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่ง กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 1) บุคลากรทางวิสัญญีผู้ใช้แนวปฏิบัติ จำนวน 30 คน และ 2) ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้อง จำนวน 105 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มก่อนใช้แนวปฏิบัติ จำนวน 50 ราย เป็นผู้ป่วยที่มารับบริการในเดือน กันยายน ถึงเดือน ธันวาคม 2563 และ กลุ่มที่ใช้แนวปฏิบัติจำนวน 55 ราย เป็นผู้ป่วยที่มารับบริการในเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือน พฤษภาคม 2564 กระบวนการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะพัฒนาแนวปฏิบัติ และระยะดำเนินการใช้แนวปฏิบัติ ตามกรอบรูปแบบการปฏิบัติบนหลักฐานเชิงประจักษ์ของศูนย์ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงที่เสนอโดย ซูคัพ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย แนวปฏิบัติทางวิสัญญีในการส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้อง แบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้แนวปฏิบัติของผู้ใช้แนวปฏิบัติ และแบบรวบรวมผลลัพธ์การฟื้นตัวหลังผ่าตัดของผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ independent t-test และ chi-square test
ผลการวิจัยพบว่า แนวปฏิบัติในการส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัดถุงน้ำดีโดยวิธีการส่องกล้องที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะก่อนการผ่าตัด 2) ระยะผ่าตัด และ 3) ระยะหลังการผ่าตัด ผลของการใช้แนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้น พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้แนวปฏิบัติและกลุ่มที่ไม่ใช้แนวปฏิบัติมีความแตกต่างกันในด้านคุณภาพการฟื้นตัวหลังผ่าตัด ด้านอาการปวด 6 ชั่วโมง และการเคลื่อนไหวร่างกาย (P < .05) และเวลาที่สามารถจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล (P < .001) แต่ไม่มีความแตกต่างกันด้านอาการปวด 0-2 ชั่วโมงหลังผ่าตัด การเริ่มให้อาหาร และภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด บุคลากรทางวิสัญญีผู้ใช้แนวปฏิบัติมีความพึงพอใจในการใช้แนวปฏิบัติทางวิสัญญีระดับมากที่สุด
แนวปฏิบัติทางวิสัญญีในการส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิผลในการลดอาการปวดหลังผ่าตัด 6 ชั่วโมง และส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
เอกสารอ้างอิง
Doungkaew, N. (2011). Effectiveness of implementing clinical practice guidelines for preventionof unplanned endotracheal extubations in medical intensive care unit, LampangHospital. (Unpublished master’s thesis). Chiang Mai University, Thailand. (in Thai)
Kittikornchaichan, K. (2016). Anesthetic management in enhanced recovery after surgery (ERAS). Thammasat Medical Journal, 16(4),694-704. (in Thai)
Pongam, S. (2020). Nursing care of the gallbladder stone surgery patients: A case study comparing 2 cases. Singburi Journal, 29(1), 100-108. (in Thai)
Rattanapun, T. (2020). Development and evaluation of clinical nursing practice guideline for enhancing recovery in elderly patients after abdominal surgery (Master’s thesis). Prince of Songkla University, Thailand.
Somboonkit, D., Meenasantirak, A., Supunyabut, K., & Mahasirimongkon, R. (2019). Development of clinical nursing practice guideline for patient undergoing laparoscopic cholecystectomy in MahaSarakham Hospital. Mahasarakham Hospital Journal, 15(3), 24–34. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/195802
Soukup, S. M. (2000). The Center for Advanced Nursing Practice evidence-based practice model: Promoting the scholarship of practice. The Nursing Clinics of North America, 35(2), 301-309.
Srisubut, A., Teerawattananon, Y., Rattanachooeak, T., Pinyotheppratan, R., Paiprasert, S., Wijintanasarn, O., … Thaiyakul, A. (2020). Economic evaluation of laparoscopic cholecystectomy versus open cholecystectomy. Retrieved from https://www.dms.go.th/backend/ /Content/Content_File/Research/Attach/25640705131439PM_%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2% E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%20MIS%2020210119.pdf
Strategy and Project Planning Department, Nakornping Hospita. (2020). Annual statistical report of patients undergoing surgery in Nakornping Hospital. Chiang Mai: Nakornping Hospital.
Suraseang, K. (2013). Laparoscopic Cholecystectomy (LC): A comparison study between the single-incision and the three-port LC. Srinagarind Medical Journal, 28(1),66-76.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 พยาบาลสาร

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว