ประสิทธิผลของกล่องดูดซับเสียงในการลดเสียงดังจากเครื่อง STAMP LOT ของแผนกเชื่อมไฟฟ้า: กรณีศึกษาโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Main Article Content

เนติศาสตร์ ไชยบุตร
ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์
ธีรยุทธ เสงี่ยมศักดิ์

บทคัดย่อ

ปัญหาเสียงดังจากเครื่อง Stamp Lot เกิดเนื่องจากลักษณะการทำงานของเครื่อง Stamp Lot เป็นการปั๊มสัญลักษณ์โดยใช้หัวเข็มที่เป็นโลหะ ปั๊มลงบนชิ้นงานที่เป็นโลหะจึงทำให้เกิดเสียงดังที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบกล่องดูดซับเสียงและติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงที่จะใช้ในการลดระดับความดังของเสียงจากเครื่อง Stamp Lot ให้อยู่ในเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด โดยศึกษาเปรียบเทียบระดับความดังของเสียงจากเครื่อง Stamp Lot ระหว่างก่อนและหลังการใช้กล่องดูดซับเสียง ในการวิจัยนี้ผู้ทำการวิจัยและหน่วยงานวิศวกรรมของโรงงานกรณีศึกษา ได้ร่วมกับออกแบบกล่องดูดซับเสียง ให้สอดคล้องกับวิธีการทำงานของเครื่องจักร และเพื่อความแข็งแรงได้ติดตั้งกล่องดูดซับเสียงโดยยึดติดกับเครื่อง Stamp Lot ให้เป็นชิ้นเดียวกัน รวมทั้งบุผนังด้านในด้วยวัสดุดูดซับเสียงชนิดโพลียูรีเทน (Polyurethane) ที่มีรูปร่างแบบรังไข่ โดยเป็นการศึกษาวิจัยแบบทดลอง 1 กลุ่ม (Experimental one group) โดยเปรียบเทียบผลการตรวจวัดเสียงแบบก่อน-หลัง การปรับปรุง ซึ่งผลการศึกษาพบว่าค่าระดับเสียงเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทำการบันทึกข้อมูล (LAeq) หลังการติดตั้งกล่องลดเสียงและติดตั้งวัสดุดูดซับเสียง มีค่าอยู่ระหว่าง 88.7-91.6 dB(A) ซึ่งลดลงจากค่าระดับเสียงเฉลี่ยก่อนการติดตั้งกล่องดูดซับเสียงเสียงที่มีค่าอยู่ระหว่าง 100.4-100.7 dB(A) ข้อเสนอแนะในการออกแบบกล่องดูดซับเสียงจะต้องออกแบบโครงสร้างกล่องดูดซับเสียงให้เหมาะสมกับเครื่อง Stamp Lot แต่ละเครื่อง ให้มีรูปร่างและขนาดที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน มีรูปลักษณ์ลักษณะที่แข็งแรง เพื่อเพิ่มความมั่นใจและพึงพอใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ไชยบุตร เ., ล้อมพงศ์ ศ. ., & เสงี่ยมศักดิ์ ธ. . (2025). ประสิทธิผลของกล่องดูดซับเสียงในการลดเสียงดังจากเครื่อง STAMP LOT ของแผนกเชื่อมไฟฟ้า: กรณีศึกษาโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา, 20(1), 90–103. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/phjbuu/article/view/274171
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ (Original Articles)

เอกสารอ้างอิง

อุษาภร ประไพสิทธิ์. แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรมปี 2563-65:อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์. Krungsri.com. [เข้าถึงเมื่อ 2568 มิ.ย. 4]. เข้าถึงได้จาก: https://www.krungsri.com/th/research/industry/industry-outlook/Hi-tech-Industries/Auto-Parts/IO/Industry-Outlook-Auto-Parts

จิราพร ประกายรุ้งทอง, ปฐมพงษ์ สุคนธมาน, สรินยา คงกะเรียน. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการสูญเสียการได้ยินจากการทำงานในกลุ่มคนงานโรงงานอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2560;35(3):98-108.

น้ำฝน ศรีรมย์, ณัฐพล พลอยเพชร, กฤษฎา สุขสี. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในจังหวัดชลบุรี. วารสาร มฉก.วิชาการ. 2563;24(1):15-28.

สำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน. รายงานสถานการณ์การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ปี พ.ศ. 2559-2563. 2564. [เข้าถึงเมื่อ 2568 มิ.ย. 4]. เข้าถึงได้จาก: https://www.sso.go.th/wpr/assets/upload/files_storage/sso_th/5ebe42693bf27ca624d2a14a89f99223.pdf

ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานระดับเสียงที่ยอมให้ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงานในแต่ละวัน. ราชกิจจานุเบกษา. 2561 ม.ค. 26;135.

วิทูรย์ สิมะโชคดี. คู่มือการลดและควบคุมเสียงดังในโรงงาน. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น); 2544.

ยุวดี สิมะโรจน์. 54114 สุขศาสตร์อุตสาหกรรม: การควบคุม. พิมพ์ครั้งที่ 3. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2554.

ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์. เอกสารคำสอนเรื่องเทคนิคการควบคุมเสียง. คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา; 2563.

กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559. ราชกิจจานุเบกษา. 2559 ต.ค. 17;133.

สุวจี ก่ออ้อ. การลดเสียงดังจากเครื่องตัดท่อโลหะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงาน กรณีศึกษาในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2562.

ภาณุวิชญ์ สุภพิชญานันท์. การลดเสียงดังจากเครื่องปั๊มโลหะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2562.