Analysis of accessibility index of primary healthcare service for diabetic patients : a case study in Chiang Mai
Main Article Content
บทคัดย่อ
ดรรชนีการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานของผู้ป่วยโรคเบาหวาน กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่
โชติรส นพพลกรัง*, ศิรดล ศิริธร**ถิรยุทธ ลิมานนท์***
*สาขาวิชาวิศวกรรมขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
**สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
***สำนักวิชาวิศวกรรมเเละเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีเเห่งเอเชีย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ป่วย โรคเบาหวานในจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพื่อกำหนดดรรชนี การเข้าถึงสถานบริการสุขภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน กำหนดขอบเขตของการศึกษาเฉพาะ สถานพยาบาลในระดับปฐมภูมิหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วย โรคเบาหวานมากที่สุด เจ้าหน้าที่ได้ประเมินความสามารถของสถานพยาบาลของตนเองจาก แบบสอบถาม ขณะที่เวลาและความยากลำบากในการเดินทางวิเคราะห์ได้จากโปรแกรมสารสนเทศ ทางภูมิศาสตร์ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาประเมินระดับการบริการสถานพยาบาล และความสะดวกในการ เดินทางเข้าถึงสถานพยาบาล และคำนวณดรรชนีการเข้าถึงสถานบริการสุขภาพโดยประยุกต์ใช้วิธีแบบ จำลองความโน้มถ่วง (Gravity model) ดังที่ใช้กันแพร่หลายในการวางแผนการขนส่ง การแสดง ผลการศึกษาอยู่ในรูปแบบของแผนที่โดยทำการวิเคราะห์การประมาณค่าเชิงพื้นที่ (Spatial Interpolate)เพื่อให้เห็นระดับความสามารถในการเข้าถึงบริการได้ครอบคลุมพื้นที่ศึกษา การศึกษา นี้พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่0.23 จากระดับการเข้าถึงการให้บริการ 0 ถึง 1 และได้ชี้ให้เห็นพื้นที่รอบตัวเมืองบางแห่งที่ยัง มีความสามารถในการเข้าถึงบริการสุขภาพต่ำ ขณะที่พื้นที่ห่างไกลส่วนใหญ่มีค่าดรรชนีที่สูงกว่า ผลจากการศึกษาสามารถเป็นพื้นฐานในการดำเนินการด้านการพัฒนาระบบสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วย โรคเบาหวานต่อไป
The study was conducted to determine the accessibility index of the primary healthcare service for diabetic patients in Chiang Mai by using the Geographic Information System (GIS) technology. The scope of the study was confined to the primary healthcare services of the tambon health promoting hospitals (THPH), which formed a close relationship with the diabetic patients. Questionnaires were distributed to the local officers to self-appraise their work conditions. Travel time and convenience were evaluated from a GIS software package. The levels of healthcare service and travel accessibility to the THPHs were then evaluated applying the gravity model, which has been widely used in transportation planning. The results were displayed in a spatial interpolation heat map, showing the primary healthcare accessibility of the whole province. The analysis showed Chiang Mai's average accessibility index was 0.23 on a scale of 0 to 1. It was found that some areas close to the city still had problems with low accessibility indices, while most remote areas showed higher values. The results of the study can be used to improve the primary healthcare system for diabetic patients in the study area.