ความถูกต้องแม่นยำของการวินิจฉัยการลุกลามกระดูกกราม ของมะเร็งช่องปากชนิด squamous cell โดยเครื่องโคนบีมซีทีก่อนการผ่าตัด

Main Article Content

สาลินี เจนสุดรักวงศ์
สมจินต์ จินดาวิจักษณ์
อรอุษา แสงไฟ

บทคัดย่อ

บทนำ : การผ่าตัดเป็นหนึ่งในการรักษาหลักของมะเร็งช่องปาก และเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ดีในการประเมินภาวะลุกลามที่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่สามารถทำได้ในช่วงก่อนผ่าตัด ดังนั้นเครื่องโคนบีมซีทีจึงถูกพิจารณานำมาใช้ในการประเมินการลุกลามของกระดูกกรามเนื่องจาก ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน ลดการรบกวนจากโลหะ และรังสีที่ใช้น้อยกว่าเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์


วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความถูกต้องแม่นยำของการวินิจฉัยการลุกลามกระดูกกรามของมะเร็งช่องปากโดยเครื่องโคนบีมซีทีก่อนการผ่าตัด ซึ่งมีการอ่านผลโดยทีมแพทย์ผ่าตัด และเพื่อศึกษาว่าการถ่ายภาพโคนบีมซีทีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการวางแผนผ่าตัดกระดูกกรามหรือไม่


รูปแบบและวิธีการศึกษา : ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลย้อนหลังและไปข้างหน้า โดยเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย 76 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งช่องปากชนิด squamous cell ที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดและทำการถ่ายภาพโคนบีมซีทีก่อนการผ่าตัด ระหว่างเดือนมกราคม 2564 - กันยายน 2565 หลังจากนั้นมีการอ่านผลจากทีมแพทย์ผ่าตัดและรังสีแพทย์ ว่ามะเร็งช่องปากมีการลุกลามกระดูกกรามหรือไม่ เปรียบเทียบกับชิ้นเนื้อหลังการผ่าตัดที่มีการวินิจฉัยและแปลผลจากพยาธิแพทย์


ผลการศึกษา : ค่าความแม่นยำในการวินิจฉัยการลุกลามของกระดูกกรามของเครื่องโคนบีมซีทีของทีมแพทย์ผ่าตัด คือ 93.4% (95%CI , 85.3 - 97.8%) เมื่อเปรียบผลอ่านของทีมผ่าตัดและรังสีแพทย์พบว่ามีค่า P-value เท่ากับ 0.125 และ ค่า Kappa เท่ากับ 0.860 การถ่ายภาพโคนบีมซีทีภายใน 7 วันก่อนการผ่าตัด มีค่าความแม่นยำเท่ากับ 95.8% (95%CI , 88.1 – 99.1%) มีการเปลี่ยนแปลงการผ่าตัดหลังถ่ายภาพโคนบีมซีที 2 คน (2.6%) จากการตัดแบบ Marginal mandibulectomy เป็น Segmental mandibulectomy


สรุปผลการศึกษา : การใช้เครื่องโคนบีมซีทีประเมินการลุกลามกระดูกกรามของมะเร็งช่องปากก่อนการผ่าตัด พบว่ามีค่าความแม่นยำที่ค่อนข้างสูง และหากทำภายใน 7 วัน จะมีความแม่นยำมากขึ้น ซึ่งทีมแพทย์ผ่าตัดสามารถแปลผลได้เอง และได้ประโยชน์ในการวางแผนการผ่าตัด แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงแผนการรักษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เจนสุดรักวงศ์ ส., จินดาวิจักษณ์ ส., & แสงไฟ อ. (2023). ความถูกต้องแม่นยำของการวินิจฉัยการลุกลามกระดูกกราม ของมะเร็งช่องปากชนิด squamous cell โดยเครื่องโคนบีมซีทีก่อนการผ่าตัด. วารสารหู คอ จมูก และใบหน้า, 24(1). สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/rcotJ/article/view/262211
ประเภทบทความ
Reseach Articles

เอกสารอ้างอิง

เอกสารอ้างอิง

Richard O. Wein, Randal S. Weber. Cummings Otolaryngology Head and Neck Surgery 7th edition.

; 1289

Bahadur S. Mandibular involvement in oral cancer. J Laryngol Otol. 1990;104:968–971.

Wayne WD. Biostatics: A foundation of analysis in the health sciences. 6 th ed. New York : John

Wiley and Sons; 1995.

รศ.ดร.ทพญ.สุชยา ด ารงค์ศรี. ภาพรังสี Cone Beam CT. ภาควิชารังสี วิ ทยาช่องปาก

และแม็กซิลโลเฟเชียล มหาวิทยาลัยมหิดล. 2560.

Momin MA, Okochi K, Watanabe H, et al. Diagnostic accuracy of cone-beam CT in the assessment of

mandibular invasion of lower gingival carcinoma: comparison with conventional panoramic

radiography. Eur J Radiol. 2009 Oct; 72(1): 75-81.

Hendrikx AWF, Maal T, Dieleman F, et al. Cone-beam CT in the assessment of mandibular invasion

by oral squamous cell carcinoma: results of the preliminary study. Int J Oral Maxillofac Surg. 2010

May; 39(5): 436-9.

Hakim SG, Wieker H, Trenkle T, et al. Imaging of mandible invasion by oral squamous cell

carcinoma using computed tomography, cone-beam computed tomography and bone scintigraphy with

SPECT. Clin Oral Investig. 2014 Apr; 18(3): 961-7.

Ariful Islam A. Cone-beam computed tomography to Assess Mandibular Invasion in Oral Squamous

cell carcinoma. Prospective observational study. Update

Dental College Journal 8(2): 18-22.

Gian Paolo Bombeccari ,

Valentina Candotto , Aldo Bruno Giannì, et al. Accuracy of the Cone Beam Computed Tomography in the

Detection of Bone Invasion in Patients with Oral Cancer: A Systematic Review. Eurasian J Med. 2019

Oct;51(3):298-306.

Santos AA, Yamamoto-Silva FP, Torres EM, et al. Contribution of cone-beam computed tomography

in the decision of surgical management for bone lesions of the maxillofacial region. J

Craniomaxillofac

Surg. 2019 Jan;47(1):87-92.