ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลของ พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี

บทคัดย่อ

              การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล แรงจูงใจ และการสนับสนุนจากองค์กรของพยาบาลวิชาชีพในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล 2) ระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล 3) ปัจจัยที่มีอิทธิพล ที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล ของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี

              การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบภาพตัดขวางเชิงวิเคราะห์ ทำการศึกษาในพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 266 คน ได้มาจากการคำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างสำหรับการประมาณค่าสัดส่วนประชากร กรณีทราบประชากร เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่มีค่าความตรงทางเนื้อหารายข้ออยู่ระหว่างเท่ากับ 0.6 – 1 ความตรงเชิงเนื้อหาทั้งแบบสอบถามเท่ากับ 0.87 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามแรงจูงใจ การสนับสนุนจากองค์กร และการมีส่วนร่วมเท่ากับ 0.92  0.93 และ 0.96 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่  การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน  ผลการศึกษา พบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีแรงจูงใจอยู่ในระดับสูง (Mean = 3.81, S.D = 0.65) และ ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอยู่ในระดับสูง (Mean = 3.56, S.D = 0.64) ในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล 2) มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลอยู่ในระดับสูง (Mean = 3.43, S.D = 0.73) 3) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมได้แก่ ระดับการศึกษา (Beta = -0.105) บทบาทหน้าที่ (Beta =  -0.109) การเป็นคณะกรรมการ (Beta = 0.184) แรงจูงใจ (Beta = 0.169) และการสนับสนุนจากองค์กร (Beta = 0.585) ร่วมกันทำนายการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลได้ร้อยละ 61.80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (R² = 0.618, p-value < 0.05) ดังนั้น ผู้บริหารของโรงพยาบาลควรสนับสนุนให้พยาบาลวิชาชีพได้พัฒนาความรู้ เปิดโอกาสให้พยาบาลวิชาชีพทุกระดับในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล