ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองระดับ HbA1C และผลลัพธ์ทางคลินิก ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง (one group pretest-posttest design) มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับ HbA1C และผลลัพธ์ ทางคลินิก ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้จำนวน 35 ราย เข้าร่วมโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจระยะเวลา 16 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจตามแนวคิดของกิปสัน 2) แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเองซึ่งมีค่าดัชนีความตรงด้านเนื้อหา เท่ากับ .82 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบราค เท่ากับ .70 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง ด้วยสถิติ paired t-test ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยการรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลตนเอง หลังทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขณะที่ค่าเฉลี่ย HbA1C และผลลัพธ์ทางคลินิก ได้แก่ ค่าเฉลี่ยความดันซิสทอลิก ดัชนีมวลกาย ระดับน้ำตาลในเลือด หลังการทดลองน้อยกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจมีประโยชน์ต่อการส่งเสริมการดูตนเองในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้ในสถานบริการปฐมภูมิ
Article Details
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
2. Aekplakorn W. The 5th Thai people health examination survey report 2014-5. Nonthaburi: The Graffico system; 2015. (in Thai)
3. Nakhon Si Thammarat Public Health Office. Data of diabetes mellitus type2 patient in Nakhon Si Thammarat province; 2016.
4. American Diabetes Association. Standards of medical care in diabetes. Diabetes Care. 2017;40(Suppl1):S64-S74.
5. American Diabetes Association. Cardiovascular disease and risk management. Diabetes Care 2017;40:S75–S87.
6. International Diabetes Federation, Clinical Guidelines Task Force. Global guideline for type2 diabetes. Education. 2012;21-6.
7. Gibson CH. A concept analysis of empowerment. Journal of Advance Nursing.1991;16:354-61.
8. Rodjarkpai Y, Kittilernkrait S, Kamonpornmongkol P. Effect of empowering program for self-protection behavior in people at risk of diabetes Nong Yai district, Chonburi Province. The Public Health Journal of Burapha University. 2012;7(2):116-23.
9. Sukpitak Y. Empowerment technique for self-management of diabetes patients in accordance with the community life style. Journal of Health Science. 2014;23(4):649-58 (in Thai)
10. Sriklo M, Khungtumneam K, Buajaroen H. Effects of footcare promoting program on perceived empowerment and footcare behaviors. Journal of Boromarajonani College of Nursing. 2014;30(2):68-79. (in Thai)
11. Boonchun N, Ucharattana P, Punsakd W, Meehardsai N. Effects of an empowerment program on self-care agency for elders with hypertension. Journal Nursing Science. 2011;29:93-102. (in Thai)
12. Faul F, lder EE, Lang A-G, Buchner A. G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods. 2007;39(2):175-91.
13. Chen M-F, Wang R-H, Lin K-C, Hsu H-Y, Chen S-W. Efficacy of an empowerment program for Taiwanese patients with type 2 diabetes: A randomized controlled trial. Appl Nurs Res. 2015;28:366–73.
14. Wong CKH, Wong WCW, Lam CLK, Wan YF, Wong WHT, Chung KL, et al. Effects of patient empowerment program (PEP) on clinical outcomes and health service utilization in type 2 diabetes mellitus in primary care: an observational matched cohort study. PLoS ONE. 2014;9(5):e95328.
15. Khattab M, Khader YS, Al-Khawaldeh A, Ajlouni K. Factors associated with poor glycemic control among patients with type 2 diabetes. J Diabetes Complications. 2010;24:84-9.
16. Kanglee K. Factors associated with glycemic control among people with type 2 diabetes mellitus at Phramongkutklao Hospital, Bangkok. Journal of The Royal Thai Army Nurses. 2014;15:256-68. (in Thai)
