ความรู้ ความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงต่อรูปแบบการให้ความรู้กับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความรู้ และความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงต่อรูปแบบการให้ความรู้โรคความดันโลหิตสูงกับผู้ป่วยที่มารับบริการทางวิสัญญีแบบผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่รับประทานยา 60 คน และได้รับการผ่าตัดแบบไม่ค้างคืน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 1) แบบประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงและการปฏิบัติตัว จำนวน 15 ข้อ ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวก่อน ขณะและหลังได้รับการผ่าตัด 2) แบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ ในประเด็น 1) ด้านความสะดวก 2) ด้านการประสานงาน 3) ด้านอัธยาศัยของผู้ให้บริการ 4) ด้านข้อมูลที่ได้รับ 5) ด้านคุณภาพการบริการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของค่ากลางของสองประชากรไม่อิสระ (Pair t-test) หลังจากผู้ป่วยได้รับความรู้ในการดูแลตนเอง ทำให้มีคะแนนความรู้มากขึ้นกว่าก่อนได้รับความรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) พิจารณาจากวิธีให้ความรู้ ผู้ป่วยได้ความรู้เพิ่มขึ้นตามลำดับมากไปน้อย 1.บุคลากรทางการแพทย์ 2.บุคลากรทางการแพทย์ให้ข้อมูลร่วมกับให้คู่มือ 3.บุคลากรทางการแพทย์ให้ข้อมูลร่วมกับให้ดูคลิปวิดีโอ ความพึงพอใจจากมากไปน้อย คือ ข้อมูลการบริการของบุคลากรทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยได้รับ (ค่าเฉลี่ย = 4.58) และคู่มือความดันโลหิตสูง (ค่าเฉลี่ย = 4.42) คะแนนต่ำสุดคือสื่อดิจิทัล (ค่าเฉลี่ย = 4.41) ผู้ป่วยต้องการรับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ตรงตามความต้องการรายบุคคล และต้องการวิธีดูแลตนเองที่บ้านหากพบปัญหาหลังได้รับการผ่าตัด คำแนะนำสำหรับการให้ความรู้ด้านสุขภาพอาจเกี่ยวข้องกับการรับรู้และความพึงพอใจของผู้ป่วย ประโยชน์จากงานวิจัยนี้จะลดจำนวนผู้ป่วยที่ถูกเลื่อนผ่าตัด และผู้ป่วยมีความรู้ในการดูแลตนเองก่อน ระหว่าง และหลังผ่าตัดแบบไม่ค้างคืน ลดอาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น
Article Details
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
2. Yukuntawaranun T. Development of a one-day maintenance system in the 10th. Thai Journal of Anesthesiology 2016;2(2):116-25.(in Thai).
3. Nigussie S, Belachew T, and Wolancho W. Predictors of preoperative anxiety among surgical patients in Jimma University Specialized Teaching Hospital, South Western Ethiopia. BioMed Central Surgery. BMC Surgery 2014;14:1-10.
4. Caumo W, Schmidt AP, Schneider CN, Bergmann J, Iwamoto CW, Bandeira D, Ferreira MB. (2001). Risk factors for preoperative anxiety in adults. Acta Anaesthesiol Scand;45(3):298-307.
5. Andersen. Access to Medical Care. Michigan and Arber: Health Administration Press;1975.
6. Puoop S., Parktoop M. Factors Affecting Outpatient Satisfaction on Nursing Service in Rajprachasamasai Institute. EAU Heritage Journal Science and Technology 2016; 10(2):235-49. (in Thai).
7. Best J W. Research in Education. 3rd ed. New Jersey: Prentice hall Inc;1977.
8. Khamphan S, Chokchaianan O, Jungpanich U. Pre operative visit in OPD Case by Phone. Thai Journal of Nursing and Midwifery Practice 2015;2(1):45-54 (in Thai).
9. Ratanachuake T. Recommendations for the development of the service system ODS (One Day Surgery). Nonthaburi: Department of medical services;2017. (in Thai).
10. Yukunthwaranun T. Development of surgical service system in a same day surgery in the 10th health district. The Royal College Of Anesthesiologists Of Thailand 2016;42(2):116-52. (in Thai).