ผลของการใช้สถานการณ์จำลองต่อระดับการรับรู้สมรรถนะตนเองด้านทักษะการฉีดยาและทักษะการฉีดยาของนักศึกษาพยาบาล
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการใช้สถานการณ์จำลองต่อระดับการรับรู้สมรรถนะตนเอง และทักษะการฉีดยา และเพื่อเปรียบเทียบการรับรู้สมรรถนะตนเอง และทักษะการฉีดยาระหว่างกลุ่มทดลองที่ได้รับการสอน โดยใช้สถานการณ์จำลองกับกลุ่มเปรียบเทียบที่ได้รับการสอนปกติในนักศึกษาพยาบาลก่อนฝึกภาคปฏิบัติวิชาหลักการ และเทคนิคการพยาบาล จำนวน 60 ราย สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบง่ายเข้ากลุ่มทดลอง 30 ราย และกลุ่มเปรียบเทียบ 30 ราย ดำเนินการสอนกลุ่มทดลองโดยใช้สถานการณ์จำลองเสมือนจริงส่วนกลุ่มเปรียบเทียบสอนปกติตามหลักสูตร เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย แบบประเมินการรับรู้สมรรถนะตนเองด้านทักษะการฉีดยา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ บรรยาย, Paired t-test และ Independence t-test ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยการรั บรู้สมรรถนะตนเอง (t=20.95, p<.001) และคะแนนเฉลี่ยทักษะการฉีดยา (t=.17.60, p<.001) ภายในกลุ่มทดลองก่อนและหลังการใช้สถานการณ์จำลอง ของนักศึกษาพยาบาล มี ความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ พบว่า กลุ่มทดลองมี คะแนนเฉลี่ยการรับรู้สมรรถนะตนเอง (t=16.46, p<.001) และคะแนนเฉลี่ยทักษะการฉีดยา (t=14.25, p<.001) สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน ผลการวิจัยนี้เป็นข้อมูลสนับสนุนส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะตนเองด้านทักษะการฉีดยาของนักศึกษาพยาบาลโดยใช้สถานการณ์จำลอง จึงควรมี การเตรียมพร้อมทักษะปฏิบัติ การพยาบาลก่อนขึ้นฝึกปฏิบัติวิชาหลักการและเทคนิค เพื่อให้นักศึกษาพยาบาลมีความพร้อม และมั่นใจก่อนขึ้นฝึกปฏิบัติงานที่หอผู้ป่วย
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
Sanadisai S, Prapaipwnich W. Fundamentals of mental health nursing. 2nd. Bangkok: Judthong Company; 2011.430-1.(in Thai).
Chaichanarungreang W, et.al. The effect of the preparation to practical training on knowledge, attitudes and skills to care for people with health problems, 3rd year nursing students, Buddha College of Nursing, Praboromarajchanok, Ministry Ministry of Health.2017.(in Thai).
Jamjang S, Yomdit V, Pongphetdit B, Pitaksin D, Changsieng P, Montong A. Effects of using simulation-based learning for preparation of nursing practicum on perceptions of self efficacy in performing nursing care in a hospital. Nursing Journal of The Ministry of Public Health 2017;27,46-58.(in Thai).
Office of the Registrar and Education Evaluation. Ubonratchathani: Boromarajonani College of Nursing Sunpasitthiprasong.2018.(in Thai).
Thanaroj S. Simulation-based learning in principlees and techniques course in nursing practicum. Boromarajonani College of Nursing, Uttaradit Journal 2016;9(2):70-84.(in Thai).
Prakas N, Sombutboon J, Khanwiset S, Development of a simulation-based learning model for encouraging perceive self-efficacy in utilizing nursing process among nursing students at Phrapokklao Nursing College, Chanthaburi. Journal of Phrapokklao Nursing College 2019; 30(1):200-15.
Norman J. Nursing education systematic review of the literature on simulation in The ABNF. Journal Spring 2012;24-8.
Lundberg K. M. Promoting self-confidence in clinical nursing students. Nurse Educator 2008;33(2),86-9.
Lertbanapong T. Simulation based medical education. Journal of Siriraj Medicine 2015;8(1):39-46.
Jeffries PR. A framework for designing, implementing, and evaluating Simulations used as teaching strategies in nursing. Nursing Education Perspectives 2005;26(2):96-103.
Khalaila R. Simulation in nursing education: an evaluation of students’ outcomes at their first clinical practice combined with simulations Nurse. Education Today 2014;34:252-8.
Bandura A. Self-efficacy in changing societies. New York: Cambridge University Press;1995.
Bandura A. An argentic perspective on positive psychology: exploring the best in people 2008;(1):167-96.
Gisev N, Bell JS, Chen TF, Inter-rater agreement and inter-rater reliability: key concepts, Approaches, and applications. Research in Social and Administrative Pharmacy 2013;9:330-8.
McHugh ML, “Interrater reliability: the kappa statistic”. Biochemia Medica 2012;22(3):276-82.
Sinthuchai S, Ubolwan K, Boonsin S. Effects of high-fidelity simulation based learning on knowledge, satisfaction, and self-confidence among the fourth year nursing students in comprehensive nursing care practicum. Rama Nurse Journal 2017;23(1):113-27.(in Thai).
