ผลของโปรแกรมพัฒนาศักยภาพด้านการเรียนรู้ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ต่อความรู้และทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบศึกษากลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และศึกษาผลโปรแกรมพัฒนาศักยภาพด้านการเรียนรู้ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต่อความรู้และทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน กลุ่มตัวอย่าง คัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 44 คน เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้เป็นเวลา 3 วัน ประกอบด้วย 1) การให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 2) ฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แบบวัดทักษะการช่วยฟื้นคืนชีวิตเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ และ Paired t-test ผลการศึกษาสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน พบว่า อสม.ส่วนใหญ่ มีความรู้และทักษะการช่วยฟื้นคืนชีวิตเบื้องต้น และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อผ่านการเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของ อสม. ประกอบด้วย (1) การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (2) การฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีวิตเบื้องต้นและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ ผลการศึกษาพบว่าภายหลังการเข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ฯ ดังกล่าว อสม. มีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และคะแนนเฉลี่ยทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเพิ่มขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ดังนั้นโปรแกรมพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จัดเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของ อสม.ให้มีความมั่นใจในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยรอดปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. World Health Statistics 2015. Luxamberg: WHO Press.2015.
Strategy and planning division public health ministry. Mortality rate of acute coronary syndrome 2007- 2013 [internet]. 2019. [citation 2019 January 28]. Available from: http://thaincd. com/information-statistic/non-communicable- disease-data.ph.
Regional Health 11 Office. Annual Report 2020. Suratthani:2020.(in Thai)
Medical Records, Chaiya Hospital. Acute coronary syndrome statistics. Suratthani:2020.(in Thai)
Department of medical services. Annual Report 2020. Bangkok:2020.(in Thai)
Bohplian S, Pinyopasakul W, Sareewiwatthana P, Charoenkitkam V. The relationship among age, health insurance coverage, perceived social support and time to hospital arrival in patients with coronary artery disease. Journal of The Royal Thai Army Nurses 2011;12:84-90.(in Thai)
Pak mak Sub-District Health Promoting Hospital. Annual Report 2020. Suratthani 2020.(in Thai)
Sanprasan P, Wattradul D, Jamsomboon K, Puapairoj P, Techangkul L, Yuyuen Y. Effects of health volunteer’s capacity building based on participating learning program on knowledge and skill of caring patients with cardiovascular disease and a risk group of cardiovascular disease. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing 2015;26(1):119-32.(in Thai)
Tejativaddhana P, Kitreerawutiwong N. effectiveness of a training program for the village health volunteers in providing community care for patients with cerebrovascular disease using the context-based learning (CBL) approach. Journal of Nursing and Health Care 2014;32(1):87-96.(in Thai)
Limhoklai N, Pakapong Y, Ratchanagul P. Effectiveness of a capacity building program for village health volunteers on knowledge and attitude toward emergency medical services of people in Nongsua District, Pathumthani province. Nursing Journal 2015;42(3):106-18.(in Thai)
Kolb DA. Experiential learning: experience as the source of learning and development, Englewood Cliffs NJ: Prentice-Hall;1984.
Anderson LW, Krathwohl DR. A taxonomy for learning, teaching and assessing: a revision of Bloom’s taxonomy. New York: Longman Publishing;2001.
Wetayawong L, Rongmuang D, Tongdee J, Nakchatree C, Ratanaprom A. The effects of advocacy communication on knowledge and symptom management of acute coronary syndrome (ACS) among people living in community. The Southern College Network Journal of Nursing and Public Health 2017;4(1):86-101.(in Thai)
Nutchanart N, Petcharak S and Chaovalit S. A competencies development of the village health volunteers of Suphan Buri province. Journal of MCU Peace Studies 2018;6(2):768-79.(in Thai)
Borisut N. A study of the situation and development direction of village health volunteers in the Thailand 4.0. [internet]. 2019.[ citation 2019 January 28]. Available from: http://phc.moph.go.th /www_hss/ data_center/dyn_mod/the_study_of_situation_and_village_health_volunteer_development_2.pdf.(in Thai)
Yomsrikan sanglon R. Potentials of emergency community volunteers caring patients with acute myocardial infarction (AMI) in Sam Sung District, Khonkaen province.2016.(in Thai)
