การพัฒนาแบบติดตามและประเมินปัญหาของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อส่งต่อสำหรับผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจำเป็นต้องได้รับการประเมินปัญหาและมีการติดตามเพื่อการดูแลในระยะยาว การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบติดตามและประเมินปัญหาของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพื่อส่งต่อผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน โดยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา ประกอบด้วย การสำรวจ การพัฒนาและทดลองใช้ และ การประเมินผลแบบติดตาม โดยกลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มตัวอย่างมี 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 15 คน (2) ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินเครื่องมือในการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน จำนวน 20 คน (3) กลุ่มทดลองใช้เครื่องมือ จำนวน 60 คน (4) กลุ่มประเมินเครื่องมือ จำนวน 336 คน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ (1) แบบประเมินความสอดคล้องของเครื่องมือในการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน (2) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป (3) แบบติดตามและประเมินปัญหาของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในชุมชนเพื่อส่งต่อ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมิน (Inter-rater reliability: IRR) โดยใช้ Cohen’s Kappa ผลการศึกษา พบว่า แบบติดตามและประเมินปัญหาของผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชนเพื่อส่งต่อ ซึ่งเป็นแบบตรวจสอบรายการ มีจำนวน 13 ข้อ ประกอบด้วย 1) การเยี่ยมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลังออกจากโรงพยาบาล 2) อาการอ่อนแรงหลังออกจากโรงพยาบาล 3) ปัญหาการสื่อสารกับบุคคลอื่นหลังจากป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 4) กิจวัตรประจำวัน 5) การทรงตัวในท่านั่งไม่ดี 6) อาการเกร็ง 7) อาการปวด 8) โอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้ม 9) ปัญหาการกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะ 10) ปัญหาทางอารมณ์ 11) ความเข้าใจมีระดับการรับรู้หรือเชาว์ปัญญาผิดปกติ 12) สัมพันธภาพกับครอบครัว และ 13) การดำเนินชีวิตหลังป่วย โดยแบบติดตามและประเมินนี้มีความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมิน มีค่า Kappa เท่ากับ 1 ร้อยละ 98.81 ดังนั้น บุคลากรด้านสุขภาพที่ให้การดูแลผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน สามารถนำไปใช้ในการติดตามอาการ และประเมินผู้ป่วยอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลหรือส่งต่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา ซึ่งจะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
Office of nursing. Criteria for quality of home visiting work. Office of the Permanent Secretary, Ministry of Public Health. Nonthaburi: Agricultural Cooperatives Association of Thailand printing house. 2014.(in Thai)
Sang-Ngam T. A model of stroke competency development for nurses at sub-district health promoting hospitals. Doctor of Philosophy thesis, Leadership field for professional development [dissertation]. Buriram: Buriram Rajabhat University; 2017.(in Thai)
Abdul Aziz AF, Mohd Nordin NZ, Fairuz Ali M, Abd Aziz NA, Sulong S, Mohamed Aljunid S. The integrated care pathway for post-stroke patients (iCaPPS): a shared care approach between stakeholders in areas with limited access to specialist stroke care services. BMC Health Services Research. 2017;17(35):1-11.
Akgul E, Cifcili S, Kaya CA. Developing a post-stroke home care checklist for primary care professionals in Turkey: a modified Delphi study. Primary Health Care Research & Development. 2023;24(e22):1–6.
Kjork EK, Carlsson G, Sunnerhagen KS, Lundgren-Nilsson A. Experiences using the post-stroke checklist in Sweden with a focus on feasibility and relevance: a mixed method design. BMJ Open. 2019; 9(e028218):1-8.
Turner RC, Carlson L. Indexes of item-objective congruence for multidimensional items. International journal of testing. 2003;3(2):163-170.
McHugh ML. Interrater reliability: the kappa statistic. Biochemia Medica. 2012;22(3):276-282.
Pak Chun Chau J, Hoi Shan Lo S, Butt L, Liang S. Post-stroke experiences and rehabilitation needs of Community-Dwelling Chinese stroke survivors: A qualitative study. International Journal of Environmental Research and Public Health. 2022;19(16345):1-13.
Izham M, Juraime F, Mansor AN. Malaysian principals’ technology leadership practices and curriculum management. Creative Education. 2016;7(1):922-30.
Piriyaprasarth P. Factors assessment tool for stroke patients. Thai journal of Physical Therapy. 2016;38(3):128-39.(in Thai)
Phanram M, Singsalasang A, Nguanjairak R. Factors associated with duration time rehabilitation of stroke patient in the community at Buriram province. Journal of The Royal Thai Army Nurses. 2022;23(3):296-304.(in Thai)
Turner GM, Mullis R, Lim L, Kreit L, Mant J. Using a checklist to facilitate management of long-term care needs after stroke: insights from focus groups and a feasibility study. BMC Family Practice. 2019;20(2):1-8.
Ward AB, Chen C, Norrving B, Gillard P, Walker MF, Blackburn S, et al. Evaluation of the post stroke checklist: a pilot study in the United Kingdom and Singapore. Int J Stroke. 2014;9(3):76–84.
Pasunont P. Evaluation of inter-rater reliability using Kappa statistics. The journal of Faculty of Applied Arts. 2015;January - June:2-20.(in Thai)
Pingmuang P, Chinchai P, Dhippayom JP. Internal Consistency and Inter-rater reliability of the functional test for hemiplegic upper extremity in persons with hemiplegia – Thai version. J Thai Rehabil Med. 2016;26(2):39-46.(in Thai)
Mongkolsuebsakul W. Access to public health services in Thailand: reflection and inequality of socially vulnerable groups. Journal of Humanities and Social Sciences, Southeast Asia University. 2022;6(1):55-69.(in Thai)
