ผลของการใช้สื่อการสอนเรื่องการจำกัดพฤติกรรมโดยการผูกยึดในนักศึกษาพยาบาล
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบคะแนน ความรู้เรื่องการจำกัดพฤติกรรมโดยการผูกยึด ระหว่างนักศึกษา 3 กลุ่มที่ได้รับการสอนต่างกัน 3 วิธี และประเมินความคิดเห็นของนักศึกษา พยาบาลที่มีต่อสื่อการสอน CAI เรื่องการจำกัด พฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวชโดยการผูกยึด
วิธีการศึกษา: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย กึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลระดับ ปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 จำนวน 84 คน จากมหาวิทยาลัย แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร แต่ละกลุ่มมีจำนวน 28 คน กลุ่มที่ 1 ได้รับการสอนโดยฝึกปฏิบัติใน สถานการณ์จำลองตามรูปแบบการสอนเดิม กลุ่มที่ 2 ได้รับการสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI และกลุ่มที่ 3 ได้รับการสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI ร่วมกับฝึก ปฏิบัติในสถานการณ์จำลองตามรูปแบบการสอน เดิม เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบ ทดสอบความรู้เรื่องการจำกัดพฤติกรรมโดยการ ผูกยึด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำเปรียบเทียบ ความแตกต่างรายคู่ โดยวิธี Bonferroni correction
ผลการศึกษา: 1) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบ การสอนและระยะเวลาที่วัด มีอิทธิพลต่อคะแนน เฉลี่ยความรู้ของนักศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F = 3.797, p = .027) 2) คะแนนเฉลี่ยความรู้เรื่อง การจำกัดพฤติกรรมโดยการผูกยึดก่อนและหลัง และระหว่างกลุ่ม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติ (F = 91.394, p = .000 และ F = 10.484, p = .000) โดยที่กลุ่มที่ได้รับการสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI และกลุ่มที่ได้รับการสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI ร่วมกับฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองตามรูปแบบ การสอนเดิมมีคะแนนเฉลี่ยความรู้แตกต่างจาก กลุ่มที่ได้รับการสอนโดยฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองตามรูปแบบการสอนเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ แต่คะแนนเฉลี่ยความรู้ของกลุ่มที่ได้รับ การสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI และกลุ่มที่ได้รับ การสอนโดยใช้สื่อการสอน CAI ร่วมกับฝึกปฏิบัติ ในสถานการณ์จำลองตามรูปแบบการสอนเดิม ไม่แตกต่างกัน และ3) ผลการประเมินความคิดเห็น ของนักศึกษาพยาบาลที่มีต่อสื่อการสอน CAI พบว่า ส่วนใหญ่มีความพอใจในรูปแบบการนำเสนอ และเนื้อหาที่เข้าใจง่าย
สรุป: สื่อการสอน CAI ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ บทเรียนเรื่องการจำกัดพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวช โดยการผูกยึดมากขึ้น สามารถส่งเสริมการศึกษา ด้วยตนเอง และสามารถใช้กับผู้เรียนจำนวนมาก ได้ จึงเหมาะสมในการนำมาใช้ในการเรียนการสอน ทางการพยาบาล
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย
References
จิณพิชญ์ชา มะมม. (2555). ประสิทธิผลของ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนต่อความรู้ และทักษะการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดกระดูก สันหลังของนักศึกษาพยาบาล. วารสาร สภาการพยาบาล, 27(ฉบับพิเศษ), 90-101.
จิณพิชญ์ชา มะมม. (2557). บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน: เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อพัฒนา ความรู้และทักษะสำหรับนักศึกษาพยาบาล. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 22(2), 286-293.
จินตนา ดำเกลี้ยง, ปิ่นทิพย์ นาคดำ, อนงค์ ประสาธน์วนกิจ และเนตรนภา พรหมเทพ. (2553). ผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน เรื่อง การเย็บแผลต่อความรู้ ทักษะ การปฏิบัติและความพึงพอใจของนักศึกษา พยาบาล. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 18(1), 56-67.
ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน: องค์ ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 18). กรุงเทพ- มหานคร: ด่านสุทธาการพิมพ์.
นันทวัช สิทธิรักษ์, ศิริรัตน์ คุปติวุฒิ, ณัฏฐา สายเสวย, วรภัทร รัตอาภา, พนม เกตุมาน, วีระนุช รอบสันติสุขและคณะ. (2552). แนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการผูกยึด. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 54(4), 385-398.
วัลยา ตูพานิช และสุนันทา กระจ่างแดน. (2557). ประสิทธิผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอนเรื่อง การดูแลสุขภาพที่บ้าน สำหรับ นักศึกษาพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ เกื้อการุณย์. วารสารเกื้อการุณย์, 21(2), 198-210.
ศิริกนก กลั่นขจร, ประทุมา ฤทธิ์โพธิ์, รุ่งทิวา บุญประคม และกุลวรา เพียรจริง. (2558). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. วารสารการ พยาบาลและสุขภาพ, 9(1), 67-82.
สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย. (2546). แนวทางการให้คำปรึกษาวิทยานิพนธ์. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ตำราและเอกสาร ทางวิชาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
Bloomfield, J., Roberts, J., & While, A. (2010). The effect of computer-assisted learning versus conventional teaching methods on the acquisition and retention of hand¬washing theory and skills in pre-qualifi¬cation nursing students: A randomized controlled trial. International Journal of Nursing Studies, 47(3), 287-294.
Chatchaisucha, S., Jitramontree, N., & Vanicharoenchai, V. (2011). The effect of an intravenous infusion E-material on the second year nursing students’ ability to demonstrate the procedure of intravenous infusion. Journal of Nursing Science, 29 (Suppl 2), 143-150.
Gaberson, K. B., Oermann, M. H., & Shellenbarger, T. (2015). Clinical teaching strategies in nursing (4th ed.). New York: Springer.
Krautscheid, L., & Williams, S. B. (2018). Using multimedia resources to enhance active learning during office hours. Journal of Nursing Education, 57(4), 25.
Mayer, R. E. (2001). Multimedia learning. New York: Cambridge University.
Miller, M. A., & Stoeckel, P. R. (2011). Client education: Theory and practice. Sudbury, MA: Jones and Bartlett.
Nau, J., Dassen, T., Needham, I., & Halfens, R. (2009). The development and testing of a training course in aggression for nursing students: A pre- and post-test study. Nurse Education Today, 29, 196-207.
Nehring, W. M., & Lashley, F. R. (2009). Nursing simulation: A review of the past 40 years. Simulation & Gaming, 40(4), 528-552.
Sogunro, O. A. (2015). Motivating factors for adult learners in higher education. International Journal of Higher Education, 4(1), 22-37.
Sorden, S. (2018). The cognitive theory of multimedia learning. Retrieved May 10, 2018, from https://www.researchgate. net/publication/267991109_The_Cogni-tive_Theory_of_Multimedia_Learning