ความต้านทานลูกน้ำยุงลายบ้านอิจิปไตย์ พาหะนำโรคไข้เลือดออก ต่อสารเคมีเทมีฟอส ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2558-2559

ผู้แต่ง

  • เจนจิรา จันสุภา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่
  • สุธาสินี มาแดง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่
  • กาญจนา โกติทิพย์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่

คำสำคัญ:

โรคไข้เลือดออก, ลูกน้ำยุงลายบ้านอิจิปไตย์, สารเคมีเทมีฟอส

บทคัดย่อ

ประเทศไทยใช้สารเคมีเทมีฟอสในการควบคุมลูกน้ำยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก มานานกว่า 50 ปี แต่ยังขาดระบบการติดตามประเมินระดับความต้านทานของลูกน้ำยุงลายต่อสารเคมีเทมีฟอส  การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบระดับความไวต่อสารเคมีเทมีฟอสของลูกน้ำยุงลายบ้าน ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ทำการเก็บตัวอย่างลูกน้ำยุงลายในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ปี 2558 และ 2559  ได้แก่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, พะเยา, ลำปาง, เชียงราย และแพร่, อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน, อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นำลูกน้ำยุงลายในพื้นที่กลับมาเพาะเลี้ยงเพิ่มปริมาณในห้องทดลอง และใช้ลูกน้ำยุงลายรุ่นถัดไป ระยะที่ 4 ทำการทดสอบสารเทมีฟอสที่ความเข้มข้น 0.012 มิลลิกรัมต่อลิตร แปรผลตามเกณฑ์การทดสอบความไวต่อสารเคมีกำจัดแมลงขององค์การอนามัยโลก          ผลการศึกษาพบว่า พื้นที่ที่ลูกน้ำยุงลายบ้านมีความต้านทานต่อสารเทมีฟอสสูงต่อเนื่องในปี 2558-2559ได้แก่  จังหวัดน่าน (อัตราตาย 60 และ70)  พบว่าจังหวัดที่ยุงลายเคยมีความไวต่อสารเคมีเทมีฟอส ในปี 2558       (อัตราตาย 100)  แต่กลับพบว่ามีความต้านทานเกิดขึ้นในปี 2559 ได้แก่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเชียงใหม่ ลำปาง (อัตราตาย 34, 40, 62) ส่วนจังหวัดที่ยุงลายบ้านมีระดับความต้านทานเปลี่ยนจากกำลังเริ่มต้านทานสารเคมี      เทมีฟอสเป็นต้านทานได้แก่แพร่ จังหวัดลำพูน และพะเยา มีจังหวัดเชียงรายแห่งเดียวที่พบว่ายุงลายมี        อัตราตายเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 23 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 99 ในปี 2559                การศึกษาครั้งนี้แสดงว่า แนวโน้มการต้านทานของลูกน้ำยุงลายบ้านต่อสารเคมีเทมีฟอสเพิ่มมากขึ้นจากปี 2558 รวม 6 จังหวัด  การเฝ้าระวังความต้านทานลูกน้ำยุงลายควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นข้อมูลนำไปสู่การเลือกใช้สารเคมีกำจัดลูกน้ำยุงลาย อย่างไรก็ตามมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกที่ดี  ทำได้ง่าย ประหยัด มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย คือการลดและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย

References

1.อ้างอิงจากข้อมูล ณ.วันที่ 21 มีนาคม 2560. ระบบรายงานการเฝ้าระวงโรค 506 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค (รง. 506). สัปดาห์ที่ 51.18 – 24 ธันวาคม 2559.

2.รายงาน 506 จากสำนักระบาดวิทยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เขตสุขภาพที่ 1. ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2559.

3.วิชัย สติมัย. การศึกษาการใช้สารเคมีและความต้านทานของยุงพาหะต่อสารเคมีในภาคตะวันออกของ ประเทศไทย. วารสารโรคติดต่อนำโดยแมลง. 2553; 7 (2):18-30

4.พรพรรณ สุนทรธรรม. 2555. รายงานการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการปัญหาโรคไข้เลือดออกด้วยทรายเทมีฟอส. สำนักงานอาหารและยา.

5.พรรณเกษม แผ่พร, กสิน ศุภปฐม และสุนัยนา สท้านไตรภพ. ความไวของยุงลายตามภาคต่างๆ ของประเทศไทยต่อสารเคมีกำจัดแมลงที่ใช้ในการควบคุมโรคไข้เลือดออก 2549-2553. วารสารโรคติดต่อนำโดยแมลง. 2553; 7(1): 8-16.

6.พรรณเกษม แผ่พร, สุนัยนา สท้านไตรภพ, พงศกร มุขขันธ์ และคณะ. 2559. ความไวต่อสารเคมีกำจัดแมลงของลูกน้ำและตัวเต็มวัยยุงลายบ้าน (Aedes aegypti L.) พาหะนำโรคไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา และ โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า.

7.World Health Organization. 1998. Techniques to detect insecticides resistance mechanisms (Field and laboratory manual) WHO/CDC/CPC/MAL/98;6.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2018-12-04

ฉบับ

บท

บทความวิชาการทั่วไป