ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคอาหารเช้า และความเหนื่อยล้าในนักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ:
breakfast skipping, medical student, fatigue, breakfast habitบทคัดย่อ
เชื่อกันว่าอาหารมื้อเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆระหว่างวัน ช่วยในการเรียนรู้ ความคิดความจำในห้องเรียน การไม่รับประทานอาหารเช้าอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้มีความเหนื่อยล้าเกิดขึ้น การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของการไม่รับประทานอาหารเช้า และผลที่มีต่อความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นในนักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง ใช้แบบสอบถามตอบด้วยตนเองสำหรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และใช้ IOWA Fatigue Scale ฉบับภาษาไทยที่พัฒนาขึ้นสำหรับประเมินความเหนื่อยล้าในนักศึกษาแพทย์ ปีที่ 3, 4 และ 5 จำนวน 192, 52 และ 50 จากภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว ปีการศึกษา 2558 ใช้สถิติทดสอบ chi-square และ การวิเคราะห์การถดถอย พบว่า นักศึกษาแพทย์จำนวนทั้งหมด 294 คน เป็นเพศชายและเพศหญิงใกล้เคียงกัน (1.08:1) ในภาพรวมพบว่านักศึกษาแพทย์ ร้อยละ 32.7 มีพฤติกรรมไม่รับประทานอาหารเช้า ซึ่งแบ่งเป็นนักศึกษาปี 3 - 4 ร้อยละ 28.12 และนักศึกษาปีห้า (clinical students) ร้อยละ 71.88. ในจำนวนนักศึกษาทั้งหมดพบว่าร้อยละ 19.4 เข้าเกณฑ์มีความเหนื่อยล้า แต่ทั้งการรับประทานอาหารเช้าและการไม่รับประทานอาหารเช้าไม่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าของนักศึกษาแพทย์ ( = 0.092, p>5) ผู้ที่เข้าเกณฑ์เหนื่อยล้าน่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น
References
สุดสายชล หอมทอง. ความสำคัญของอาหารเช้า[ออนไลน์] 2549 [เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552]. เข้าถึงได้จาก: http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1595
Ackuaku-Dogbe EM, Abaidoo B. (2014). Breakfast eating habits among medical students. Ghana medical journal. 48(2):66-70.
Grandjean E. (1979). Fatigue in Industry. British Journal of Industrial Medicine. 120: 175-86.
Hartz A, Bentler S, Watson D. (2003). Measuring Fatigue Severity in Primary Care Patients. Journal of Psychosomatic Research. In press 54(6): 515-21 [online] 2003 [cited 2010 November 2]. Available from: http://www.psy-world.com/iowa.html
Lars Lien. (2006). Is breakfast consumption related to mental distress and academic performance in adolescents?. Public Health Nutrition. 10: 422-428.
Larun L, McGuire H, Edmonds M, Odgaard-Jensen J, Price JR. (2004). Exercise therapy for chronicfatigue syndrome. Cochrane data base of systematic reviews [online] 2004 [cited 2010 February 5]. Available from: http://www.cochrane.org/reviews/en/ab003200.html.
Luksanaporn Krungkraipetch KK. (2009). Relationship between Adequate Breakfast Consumption and Fatigue in the Morning Class among Medical Students, Burapha University. the public health journal of Burapha University. 7(1):35-9.
Masaaki Tanaka, Kei Mizuno, Sanae Fukuda,Yoshihito Shigihara, Yasuyoshi Watanabe. (2008).
Relationships between dietary habits and the prevalence of fatigue in medical students. Nutrition [online] 2008 [cited 2009 November 2]. Available from: http://dx.doi.org/10.1016/j. nut.2008.05.003.
Mayo Clinic staff.(2551). Fatigue [ออนไลน์] 2551[เข้าถึงเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552]. เข้าถึงได้จาก: http://www.mayoclinic.com/health/fatigue/MY00120
Muchinsky PM. (1993). Psychology Applied to Work ; An Introduction to Industrial and Organizational Psychology. Pacific Grove, California.
Ning Zou MK, Ayako Nagai, Ri Ji Jin, Shu Xian Liu. (2009). A study of fatigue status in Chinese adolescents in an urban city, Jixi. Health.3 (1949-4998):271-5.
Watanabe Y, Saito I, Henmi I, Yoshimura K, Maruyama K, Yamauchi K, et al.(2014). Skipping Breakfast is Correlated with Obesity. Journal of rural medicine : JRM / Japanese Association of Rural Medicine. 9(2):51-8.
Yahya Ozdogan. (2010). The Breakfast Habits of Female University Students. Pakistan Journal of Nutrition. 9: 882-886.