ประสิทธิผลของนวัตกรรม: อุปกรณ์เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อ

ผู้แต่ง

  • อัลจนา ไชยวงศ์ โรงพยาบาลลำพูน
  • วารินทร์ มาตรา โรงพยาบาลลำพูน
  • แสงอรุณ ใจวงศ์ผาบ โรงพยาบาลลำพูน

คำสำคัญ:

อุปกรณ์การเก็บเสมหะเพื่อการส่งเพาะเชื้อ, การเก็บตัวอย่างเสมหะ

บทคัดย่อ

การเก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อเป็นดัชนีชี้วัดตัวหนึ่งของการเฝ้าระวังการติดเชื้อของผู้ป่วยระบบท เดินหายใจตามมาตรฐานการประกันคุณภาพการรักษาพยาบาลและโรงพยาบาลต้องเสียค่าใช้จ่าย จำนวนมากในการจัดซื้ออุปกรณ์เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อดังนั้นผู้วิจัยจึงได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์เก็บ เสมหะส่งเพาะเชื้อเพื่อให้เกิดความสะดวกปลอดภัยในการปฏิบัติงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล เพื่อศึกษาประสิทธิผลของอุปกรณ์เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อที่ประดิษฐ์ขึ้น การวิจัยเชิงวิเคราะห์ภาคตัดขวาง(Cross-sectional analytical study) ได้ศึกษาความพึงพอใจในการใช้อุปกรณ์การเก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อในประชากร 2 กลุ่มคือกลุ่มผู้เตรียมอุปกรณ์ได้แก่ผู้ช่วย เหลือคนไข้และกลุ่มผู้ใช้งานได้แก่พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยวิกฤตโรงพยาบาลลำพูน หลังจากใช้นวัตกรรมเป็นเวลา 1 ปีได้ทำการสำรวจระดับความพึงพอใจในการใช้นวัตกรรมและวัดผล ลัพธ์ค่าใช้จ่ายในการส่งเสมหะเพาะเชื้อ ผลการวิจัย ในกลุ่มผู้เตรียมอุปกรณ์มีความคิดเห็นว่าวัสดุในการจัดทำอุปกรณ์หาได้ง่ายการจัดทำอุปกรณ์ทำได้ง่ายสะดวกใช้เวลาน้อยมีความพึงพอใจในขั้นตอนการจัดทำในกลุ่มของผู้ใช้อุปกรณ์ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการใช้นวัตกรรมนวัตกรรมมีความเหมาะสมในการใช้งานมีความปลอดภัยและเมื่อ นำนวัตกรรมมาใช้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลได้ถึง 27,235-38,350 บาท/ปี อุปกรณ์เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อมีความสะดวกและปลอดภัยผู้เตรียมอุปกรณ์และผู้ใช้นวัตกรรมมีความพึงพอใจในการใช้นวัตกรรมนอกจาก นี้หลังจากมีการน ำนวัตกรรมมาใช้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลได้ถึงปีละ 27,235-38,350 บาท/ปี

References

อะเคื้อ อุณหเลขกะ.การเฝ้าระวังและการสอบสวนการระบาดของการติดเชื้อในโรงพยาบาล.เชียงใหม่:มิ่งเมือง;.2548.

สถิติผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลลำพูน, 2555.

สถิติการเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โรงพยาบาลลำพูน; 2555.

Muzanyi G, Angel M, Nakamate T, Ogwang S &, Nyole S. Impact of directly observed sputum collection on sputum culture contamination rates. African Health Sciences 2011; 11(4): 605 – 606.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2019-01-30

ฉบับ

บท

บทความวิชาการทั่วไป