กรณีศึกษาผู้ป่วยฝีในตับร่วมกับภาวะที่โลหิตมี eosinophil มากผิดปกติ

บทคัดย่อ

           ผู้ป่วยฝีในตับร่วมกับภาวะที่โลหิตมี eosinophil มากผิดปกติ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การวินิจฉัยว่าเป็นพยาธิชนิดไหนนั้นทำได้ยาก เนื่องจากการตรวจอุจาระหรือการตรวจ liver biopsy บางครั้งตรวจไม่พบ และการตรวจทาง serology ที่ไม่สามารถตรวจได้ทุกที่ทำให้ต้งอมองหาลักษณะอื่นที่ช่วยในการวินิจฉัย วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อรายงานกรณีศึกษาผู้ป่วยหญิง อายุ 46 ปี มีการปวดท้องด้านขวาบนร่วมกับมีน้ำหนักลด 5 กิโลกรัมใน 1 เดือน ผล CT นึกถึง Hypovascular HCC, cholangiocarcinoma แต่ tumor marker ให้ผล negative หมดผล liver biopsy พบ chronic granulomatous inflammation, no malignancy เมื่อร่วมกับภาวะที่โลหิตมี eosinophil มากผิดปกติ และดู CT abdomen ครั้งแรกซ้ำ พบ peripheral tortuous serpiginous track ทำให้นึกถึง Hepatic Fascioliasis มากที่สุด โดยหลังให้การรักษาด้วย Triclabendazole 10 mg/kg 1 dose พบว่ามีอาการดีขึ้น ผล CBC พบว่า eosinophil ลดลงจาก 20.7% เป็น 11.4% และ imaging ซ้ำพบว่าก้อนมีขนาดเล็กลงจาก 10 ซม. เหลือเพียง 4 ซม. สรุปได้ว่าการดูแลรักษาผู้ป่วยในฝีในตับร่วมกับภาวะที่โลกหิตมี eosinophil มากผิดปกติที่ไม่สามารถบอกชนิดของพยาธิจากากรตรวจเบื้องต้นได้ การที่พบ peripheral tortuous serpiginous track จาก CT abdomen ช่วยทำให้นึกถึง Hepatic Pascioliasis มากที่สุด ซึ่งยาที่ใช้รักษาได้แก่ Triclabendazole และควรตรวจติดตามดูอาการและ imaging ซ้ำจนกว่าก้อนจะหายไป