การเปรียบเทียบความเครียดระหว่างบุคลากรที่มีและไม่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโดยตรงใน โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
คำสำคัญ:
ความเครียด, บุคลากรผู้ดูผู้ป่วยบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความเครียดของบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 กลุ่มคือกลุ่มบุคลากรที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย โดยตรง เช่น แพทย์ชั้นคลินิก พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เป็นต้น และกลุ่มบุคลากรที่ไม่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโดยตรง เช่น แพทย์ชั้นพรีคลินิก เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ธุรการ เป็นต้น ทั้งนี้ทำการศึกษา จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,087 คน เครื่องมือที่ใช้ในกายวิจัย คือ แบบวัดความเครียดสวนปรุง (Suanprung Stress Test-20, SPST-20) ซึ่งประกอบด้วยข้อคำถาม 20 ข้อ มีคะแนนรวมไม่เกิน 100 คะแนน ผลรวมคะแนนที่ได้แบ่งความเครียดออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ ระดับปานกลาง ระดับสูง และระดับรุนแรง ทำการหาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อัลฟาของCronbach ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ และทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มด้วยไค-สแควร์(X2) ผลการศึกษาพบว่าบุคลากรส่วนมากมีความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 45.7) รองลงมาเป็นความเครียดระดับสูง (ร้อยละ 27.7) ความเครียดระดับต่ำ (ร้อยละ 22.1) และความเครียดระดับรุนแรง (ร้อยละ 4.5) ตามลำดับ ทั้งนี้ระดับความเครียดของบุคลากร ที่ดูแลผู้ป่วยกับกลุ่มบุคลากรที่ได้ได้
References
สุรีย์ กาญจนวงศ์ และจริยาวัตร คมพยัคฆ์. รายานการวิจัยเรื่อง ความเครียด สุขภาพและความเจ็บป่วย: แนวคิดและการศึกษาในประเทศไทย. นครปฐม: คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.2545.
Mitchell D. Feldman, and John F. Christensen. Behavioral Medicine in Primary Care: A Practical Guide. Singapore: Simon & Schuster Asia; 1997.
Barbara Fadem. Behavioral science in Medicine. Philandelphia: Lippincott Williams % Wlikins; 2004.
พรชัย สิทธิศรันย์กุล . สิ่งคุกคามสุขภาพอนามัยของแพทย์.Medical Progress Thailand June 2006; 5(6):64-65.
U.S. Department of Labor, Occupational Safety & Health Administration (OSHA). Hospital eTool – Health Care Wide Hazards Module: Stress. (cited 2006 Jul 7X. Available from: http://www.oshagov/SLTC/etools/hospital/ hazards/stress/stress.himl.
สมชาย จักรพันธุ์. สิ่งแวดล้อมกับสุขภาพจิต.ใน: สมชัย บวรกิตติ, จอห์น ที.ลอฟทัส, กฤษฎา ศรีสำราญ,ลก. ตำราเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้วการพิมพ์, 2542:301-316.
สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล,วนิดา พุ่มไพศาลชัย,พิมพ์มาศ ตาปัญญา. การสร้างแบบวัดความเครียดสวนปรุง. วารสารสวนปรุง 2541; 13(3): 1-20
กมสุขภาพจิต. โครงการจัดทำโปรแกรม สำเร็จรูปในการสำรวจสุขภาพจิตในพื้นที่ปี พ.ศ. 2545 (cited 2006 Jul 7) Available from: http://www.dmph.go.th/test/spst.html.
สมชาย พลอยเหลื่อมแสง, ความเครียด และภาวะซึมเศร้าของคนไทยในเขตสาธารณสุข 10. วารสารสวนปรุง 2541; 13(3) 21-30
Hipwell, A.E., Tyler, P.A., Wlison, C.M., Source of stress and dissatisfaction among nurse in four hospital environment. Br J Med Psychology. 1989; 62:71-79.
Pual D. Tyson, Rana Pongruengphant. Five-year follow-up study of stress among nurses in public and private hospitals in Thailand. Int J Nurs Studies. 2004; 41:247-254.
Peter J. Holland. Psychiatric Aspects of Occupational Medicine. In: Robert J. McCuney, editor. A Practical Approach to Occupational and Environmental Medicine. 2nd ed. American College of Occupational and Environmental Medicine. Massachusetts: Little, Brown and Company; 1995.P.265-278.
Olle Jane Z. Sahler, John E. Carr, editors. The Behavioral Sciences and healthy care. Germany: Hoogrefe & Huber Publishers; 2003
อินทิรา ปัทมินทร. คู่มือสำหรับผู้บริหารเรื่องสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน (ด้านการ เสริมสร้างสุขภาพจิตในการทำงาน). กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2546