ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ปัจจัยนำ, ปัจจัยเอื้อ, ปัจจัยเสริม, โรคฟันผุ, พฤติกรรมการป้องกันบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างจำนวน 194 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิและสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม พ.ศ. 2567 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วย Chi-square test และ Fisher's exact test รายงานค่า Odds ratio และ 95% confidence interval
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุในระดับปานกลางร้อยละ 61.3 ด้านปัจจัยนำ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับโรคฟันผุในระดับสูงร้อยละ 60.8 มีทัศนคติเกี่ยวกับการป้องกันโรคฟันผุในระดับสูงร้อยละ 85.6 และมีการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันโรคฟันผุในระดับสูงร้อยละ 58.3 ด้านปัจจัยเอื้อ พบว่า โรงเรียนมีสถานที่แปรงฟันหลังอาหารกลางวันร้อยละ 88.1 และนักเรียนมีความสะดวกในการเดินทางไปรับบริการทางทันตกรรมร้อยละ 78.4 ด้านปัจจัยเสริม พบว่า กลุ่มตัวอย่างได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว ครู และเพื่อนในระดับสูงร้อยละ 41.2 เคยได้รับความรู้ข่าวสารเกี่ยวกับโรคฟันผุร้อยละ 91.8 และโรงเรียนจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากร้อยละ 65.5 เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า ความรู้เกี่ยวกับโรคฟันผุ (p-value = 0.001) ทัศนคติเกี่ยวกับการป้องกันโรคฟันผุ (p-value = 0.011) และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันโรคฟันผุ (p-value = 0.018) มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้ระดับสูงมีพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่มีความรู้ระดับต่ำ 2.82 เท่า (OR = 2.82, 95%CI = 1.47-5.41) กลุ่มตัวอย่างที่มีทัศนคติที่ดีมีพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่มีทัศนคติระดับต่ำ 3.86 เท่า (OR = 3.86, 95%CI = 1.28-11.64) และกลุ่มตัวอย่างที่มีการรับรู้ความสามารถของตนเองในระดับสูงมีพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุมากกว่า 2.11 เท่า (OR = 2.11, 95%CI = 1.13-3.93)
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา โรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างการรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันฟันผุในนักเรียน โดยเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติให้นักเรียนได้ลงมือทำจริง เช่น การฝึกทักษะการแปรงฟันที่ถูกวิธีและการตรวจสุขภาพช่องปากของตนเอง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความสามารถในการดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติครั้งที่ 9 ประเทศไทย พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2567.
Petersen PE, Ogawa H. Prevention of dental caries through the life course: The importance of a common risk factor approach. Community Dent Oral Epidemiol. 2021; 49(3): 171-6.
สุเมธ กาญจน์กระสังข์. ข้อมูลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากและพฤติกรรมทันตสุขภาพ จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2565-2566. เอกสารประกอบการประชุม ใน: การสำรวจสภาวะทันตสุขภาพ. นครราชสีมา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา; 2566.
น่ารัก จุดาบุตร, ธัญพร พลโกษฐ์, ชญาดา ศิริภิรมย์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีผลต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็กอายุ 10-14 ปี ในเขตพื้นที่บ้านบางกระบือ ตำบลท่าไร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการเฉลิมกาญจนา. 2565; 9(2): 66-74.
วินัย ทองฤทธิ์, กฤษณา วุฒสินธ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนเขตตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา. 2563; 5(1): 38-48.
ณัฐวัฒน์ สุวคนธ์, ปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพฟันเพื่อป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชียฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2561; 12(2): 273-86.
ณัฐริกา ศรีสงวน, ธีระวุธ ธรรมกุล, อารยา ประเสริฐชัย. ปัจจัยและผลกระทบทางทันตสุขภาพ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. 2566; 17(1): 88-104.
ไกรสร อินภิบาล. สถานการณ์สุขภาพช่องปากและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 2567; 1(11): 137-49.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์; 2553.
Bloom BS. Taxonomy of education objective, handbook I: cognitive domain. New York: David Mckay; 1975.
Best JW. Research in education. 4th ed. New Jersey: Prentice-Hall; 1981.
นัฐวุฒิ โนนเภา, พัทธพล นามศรี, อนุพงษ์ สอดสี, วสันต์ ปิ่นวิเศษ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการทำความสะอาดช่องปากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารทันตาภิบาล. 2561; 29(1): 26-35.
เบญญาภา ผิวนวล, ขวัญวิภา เวทการ, ปริญญา จิตอร่าม, ธนกฤต ธนวงศ์โภคิน. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการแปรงฟันในช่วงพักกลางวันที่โรงเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี. วารสารทันตาภิบาล. 2562; 30(1): 15-28.
วรยา มณีลังกา, รัชนีวรรณ ภูมิสะอาด, ปรียานุช นามพิกุล, มาลิกา นามทรรนีย์, จารวรรณ จันทระ, เมธาลักษณ์ ยลถนอม. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนบ้านบัวขาว (วันครู 2500) ตำบลบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารทันตาภิบาล. 2567; 35(1): 25-36.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารทันตาภิบาล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทันตาภิบาล