ความสัมพันธ์ของยากล่มุ fluoroquinolones กับการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือฉีกขาด
คำสำคัญ:
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด, โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง, aortic aneurysms, aortic dissection, fluoroquinolonesบทคัดย่อ
ยากลุ่ม fluoroquinolones เป็นยาต้านจุลชีพที่มีบทบาทมากในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมบวก และชนิดแกรมลบ ยากลุ่มนี้ดูดซึมได้ดี มีการกระจายสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ได้ดี และมีระยะครึ่งชีวิตค่อนข้างนาน ในปี ค.ศ. 2018 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเตือนเกี่ยวกับการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือฉีกขาดจากการใช้ยากลุ่มนี้ ซึ่งเป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงแต่พบไม่บ่อย จากการรวบรวมผลงานวิจัยต่างๆ พบว่าทุกงานวิจัยแสดงผลไปในทิศทางเดียวกันคือ พบความเสี่ยงในการเกิดโรคเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติใช้ยาในกลุ่ม fluoroquinolones อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระยะเวลาในการเกิดโรค มักเกิดหลังจากได้รับยาภายใน 60 วัน นอกจากนี้ยังพบว่าระยะเวลาในการใช้ยา ยิ่งนานยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมากขึ้นด้วย ดังนั้นควรแนะนำให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการแสดงที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือฉีกขาดโดยเฉพาะในช่วง 60 วันหลังได้รับยา และในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวร่วมด้วย เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น อีกทั้งควรแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดยาทันที และมาพบแพทย์หากผู้ป่วยมีอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือฉีกขาด
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชกรรมโรงพยาบาลทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสาร (สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)) อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) อนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอน (Creative Commons License: CC) โดย ต้องแสดงที่มาจากวารสาร – ไม่ใช้เพื่อการค้า – ห้ามแก้ไขดัดแปลง, Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) และบุคลากรในสมาคมฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ