สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุในชุมชนเมืองเขตกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • ทัศนา บุญทอง วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • อรพรรณ โตสิงห์ ภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • ประภา ยุทธไตร ภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • วิไลวรรณ ทองเจริญ ภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • นาวาอากาศเอกหญิง โสพรรณ โพทะยะ ภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • มัตติกา ใจจันทร์ ภาควิชาการพยาบาลชุมชน วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • ชนินทร์ จักรภพโยธิน สำนักงานวิชาศึกษาทั่วไป วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • ขวัญธิดา พิมพการ ภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  • ทัดดาว แนบเนียน สำนักงานคณบดี วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

DOI:

https://doi.org/10.60099/jtnmc.v39i02.259284

คำสำคัญ:

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ , ชุมชนเมือง , ผลกระทบ , การปฏิบัติตัว , การควบคุมและป้องกันโรค

บทคัดย่อ

บทนำ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในชุมชนเมืองเขตกรุงเทพมหานคร วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์ อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีพันธกิจการดูแลชุมชนในพื้นที่ซึ่งมีความซับซ้อนและหลากหลายในเชิงเศรษฐกิจสังคม และเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงมีความจำเป็นต้องทำการศึกษาสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน เพื่อการวางแผนให้การดูแลเชิงรุกได้อย่างครอบคลุม 

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน ได้แก่ ปัญหาสุขภาพ ผลกระทบของโรคไม่ติดต่อ เรื้อรัง และการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมและป้องกันความรุนแรงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมืองแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร 

การออกแบบการวิจัย การวิจัยเชิงบรรยาย โดยใช้กรอบแนวคิดการเฝ้าระวังและควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังขององค์การอนามัยโลก กระทรวงสาธารณสุขและการทบทวนวรรณกรรม 

วิธีดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของกรุงเทพมหานครที่ขึ้นทะเบียนกับศูนย์บริการ สาธารณสุขในเขตที่ทำการศึกษา จำนวน 1,360 คน สุ่มแบบง่ายจากรายชื่อประชาชนวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ขึ้นทะเบียนกับศูนย์บริการสาธารณสุขจากชุมชน 68 แห่ง ชุมชนละ 20 คนที่เป็นไปตามเกณฑ์คัดเข้า เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามปัญหาสุขภาพ แบบสอบถามผลกระทบของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและแบบสอบถามการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุม และป้องกันความรุนแรงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พัฒนาขึ้นโดยผู้วิจัย ได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่าดัชนี ความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ .90 การตรวจสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถามผลกระทบของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้ค่าความเชื่อมั่น ของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน เท่ากับ .90 และแบบสอบถามการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมและป้องกันความรุนแรงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .91 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าต่ำสุดและค่าสูงสุด 

ผลการวิจัย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 62.50) อายุระหว่าง 20-95 ปี อายุเฉลี่ย 57.80 ปี (SD = 14.6) ใช้สิทธิบัตรทอง (ร้อยละ 87.36) กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่ง มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 1,000 บาท (ร้อยละ 56.47) และมีภาวะน้ำหนักเกิน (ร้อยละ 67.96) โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่พบสามอันดับแรก คือ ความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 61.76) ไขมันในเลือดสูง (ร้อยละ 46.18) และเบาหวาน (ร้อยละ 30.74) ส่วนใหญ่มีโรคเรื้อรังสองโรคขึ้นไป และมีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง และโรคไตวายเรื้อรัง มากกว่าร้อยละ 40 ได้รับผลกระทบจากโรคและรบกวนการดำเนินชีวิต ประจำวันในระดับปานกลางถึงสูง ได้แก่ อาการปวดเข่า ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ลืมง่าย หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล กลัวจะเป็นภาระของครอบครัว ท้อแท้ เบื่อหน่าย ทำกิจกรรมไม่ได้เหมือนเดิมและรายได้ลดลง นอกจากนี้ยังพบปัญหาด้านการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมและป้องกันความรุนแรงของโรค ได้แก่ การไม่ออกกำลังกาย ไม่ควบคุมการบริโภค อาหาร นอนหลับไม่เพียงพอ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ สำหรับพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อการรักษา พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่าง (ร้อยละ 47.46) ไม่ได้พบแพทย์อย่างต่อเนื่องแต่ซื้อยารับประทานเอง ในขณะที่ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.7 แบ่งยาให้เพื่อนบ้านที่มีอาการคล้ายกันรับประทาน 

ข้อเสนอแนะ ผลการศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เป็นโรคเรื้อรัง ในชุมชนด้านการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย การรับประทานยา ร่วมกับการพัฒนาระบบบริการเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพของผู้เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Saha A, Alleyne G. Recognizing noncommunicable diseases as a global health security threat. Bull World Health Organ. 2018 Nov 1;96(11):792-3. https://doi.org/10.2471/blt.17.205732 PMID: 30455534

Niessen LW, Mohan D, Akuoku JK, Mirelman AJ, Ahmed S, Koehlmoos TP, Trujillo A, Khan J, Peters DH. Tackling socioeconomic inequalities and non-communicable diseases in low-income and middle-income countries under the Sustainable Development agenda. Lancet. 2018 May 19;391(10134):2036-2046. https://doi.org/10.1016/s0140-6736(18)30482-3 PMID: 29627160

NCD Countdown 2030 collaborators. NCD Countdown 2030: efficient pathways and strategic investments to accelerate progress towards the Sustainable Development Goal target 3.4 in low-income and middle-income countries. Lancet. 2022 Mar 26;399(10331):1266- 1278. https://doi.org/10.1016/s0140-6736(21)02347-3 PMID: 35339227

World Health Organization. Report of the first meeting of the Strategic and Technical Advisory Group for Noncommunicable Diseases: virtual meeting, 27–28 October 2021. Geneva: World Health Organization; 2021. Available from: https://iris.who.int/bitstream/handle/10665/352097/9789240041158-eng.pdf?sequence=1

United Nations Thematic Working Group on Noncommunicable Disease Prevention and Control: case study – Thailand. Geneva: World Health Organization and the United Nations Development Programme; 2021. Available from: https://iris.who.int/bitstream/handle/10665/349934/9789240037083-eng.pdf?sequence=1

Ministry of Public Health. Bureau of Non-Communicable Disease. The Policy and Strategy Section. 5-year national NCDs prevention and control strategic and action plan (2017-2021). Bangkok: Emotion Art; 2017.

Uddin R, Lee EY, Khan SR, Tremblay MS, Khan A. Clustering of lifestyle risk factors for non-communicable diseases in 304,779 adolescents from 89 countries: A global perspective. Prev Med. 2020 Feb;131:105955. https://doi.org/10.1016/j.ypmed.2019.105955 PMID: 31862205

Shakoori IS, Aslam F, Ashraf G, Akram H. Understanding chronic disease risk factors and multimorbidity. Int J Community Med Public Health. 2020 May;7(5): 1990-1993. https://doi.org/10.18203/2394-6040.ijcmph20201556

Adams AM, Islam R, Yusuf SS, Panasci A, Crowell N. Healthcare seeking for chronic illness among adult slum dwellers in Bangladesh: A descriptive cross-sectional study in two urban settings. PLoS ONE. 2020;15(6): e0233635. Available from: https://doi.org/10.1371/journal.pone.0233635

Kim S, Park M, Song R. Effects of self-management programs on behavioral modification among individuals with chronic disease: a systematic review and metaanalysis of randomized trials. PLoS ONE. 2021;16(7): e0254995. Available from: https://doi.org/10.1371/journal.pone.0254995

Campbell NRC, Paccot Burnens M, Whelton PK, Angell SY, Jaffe MG, Cohn J, et al. 2021 World Health Organization guideline on pharmacological treatment of hypertension: Policy implications for the region of the Americas. Lancet Reg Health Am. 2022;9:None. Available from: https://doi.org/10.1016/j.lana.2022.100219 PMID: 35711684

Sinthuchai S, Namdej N, Kittiboonthawal P, Dejpitaksirikul S, Chuencham J, Ubolwan K, et al. Health literacy development model to promote self-management behaviors and its health impact on older adults with both Type 2 diabetes and hypertension, in primary care clusters in Saraburi province. Journal of Thailand Nursing and Midwifery Council. 2022;37(1):58-74. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/253534/174198

Kumar A. The impact of obesity on cardiovascular disease risk factor. Asian J. Med. Sci. 2019;10(1): 1-12. https://doi.org/10.3126/ajms.v10i1.21294

Westgate CSJ, Israelsen IME, Jensen RH, Eftekhari S. Understanding the link between obesity and headachewith focus on migraine and idiopathic intracranial hypertension. J Headache Pain. 2021; 22(1):123. https://doi.org/10.1186/s10194-021-01337-0 PMID: 34629054

Mohammadi M, Ayoobi F, Khalili P, Soltani N, La Vecchia C, Vakilian A. Relation of hypertension with episodic primary headaches and chronic primary headaches in population of Rafsanjan cohort study. Sci Rep. 2021;11(1):24071. https://doi.org/10.1038/s41598-021-03377-7 PMID: 34911995

Lebel S, Mutsaers B, Tomei C, Leclair CS, Jones G, Petricone-Westwood D, et al. Health anxiety and illness-related fears across diverse chronic illnesses: A systematic review on conceptualization, measurement, prevalence, course, and correlates. PLoS One. 2020; 15(7):e0234124. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0234124 PMID: 32716932

Estecha Querol S, Clarke P, Sattler ELP, Halford JCG, Gabbay M. Non-visible disease, the hidden disruptive experiences of chronic illness in adversity. Int J Qual Stud Health Well-being. 2020;15(1): 1857579. https://doi.org/10.1080/17482631.2020.1857579 PMID: 33287691

Brathwaite R, Hutchinson E, McKee M, Palafox B, Balabanova D. The long and winding road: a systematic literature review conceptualising pathways for hypertension care and control in low- and middleincome countries. Int J Health Policy Manag. 2022; 11(3):257-68. https://doi.org/10.34172/ijhpm.2020.105 PMID: 32702800

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-24

รูปแบบการอ้างอิง

1.
บุญทอง ท, โตสิงห์ อ, ยุทธไตร ป, ทองเจริญ ว, โพทะยะ นโ, ใจจันทร์ ม, จักรภพโยธิน ช, พิมพการ ข, แนบเนียน ท. สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุในชุมชนเมืองเขตกรุงเทพมหานคร. J Thai Nurse Midwife Counc [อินเทอร์เน็ต]. 24 มิถุนายน 2024 [อ้างถึง 31 ธันวาคม 2025];39(02):163-77. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/259284

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Articles