ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลวและอัตราการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว

ผู้แต่ง

  • สุรศักดิ์ มุลศรีสุข หน่วยตรวจโรคแพทย์เวร-ฉุกเฉิน ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
  • จตุพร โยธา หน่วยพยาบาลด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
  • อมราพร จิรากร หน่วยพยาบาลด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
  • นริศ ใจบริสุทธิกุล หน่วยพยาบาลด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
  • ชนิกานต์ ธรรมกุล หน่วยตรวจโรคแพทย์เวร-ฉุกเฉิน ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
  • ปฐมาภรณ์ เรืองปิยะสกุล หน่วยตรวจโรคแพทย์เวร-ฉุกเฉิน ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช

DOI:

https://doi.org/10.60099/jtnmc.v39i03.268078

คำสำคัญ:

สมรรถนะของตนเอง , พฤติกรรมการดูแล , อัตราการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำ , ห้องฉุกเฉิน , ภาวะหัวใจล้มเหลว

บทคัดย่อ

บทนำ ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นภาวะการเจ็บป่วยเรื้อรังที่เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของระบบสาธารณสุขทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย การส่งเสริมพฤติกรรมการจัดการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดการเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาล 

วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลวและอัตราการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว 

การออกแบบการวิจัย การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้กรอบแนวคิด การรับรู้สมรรถนะแห่งตนของแบนดูรา

การดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวที่เข้ามารับบริการห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลระดับ ตติยภูมิขั้นสูงแห่งหนึ่ง จำนวน 30 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง โดยกลุ่มตัวอย่างได้รับโปรแกรมส่งเสริม การรับรู้สมรรถนะของตนเอง ประกอบด้วย การให้ความรู้เรื่องภาวะหัวใจล้มเหลว การฝึกทักษะการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลว แนะนำการใช้คู่มือการดูแลสำหรับผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวและการติดตามการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลว เก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลวและการกลับเข้ารักษาของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาของโปรแกรมเท่ากับ .83 การตรวจสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม พฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลว ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคเท่ากับ .81 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบทีคู่ และการทดสอบวิลคอกซัน 

ผลการวิจัย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 73.33) มีอายุระหว่าง 42-80 ปี อายุเฉลี่ย 69.97 ปี (SD = 9.90) ภายหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเอง กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการดูแล ภาวะหัวใจล้มเหลวโดยรวม (M = 75.09, SD = 19.15) สูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรม (M = 55.56, SD = 18.70) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = -4.143, p <.001) และพฤติกรรมรายด้าน ได้แก่ ด้านความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ ของทีมสุขภาพ ด้านการขอรับการปรึกษา และด้านความร่วมมือควบคุมกำกับตนเองภายหลังเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่า ก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = -2.890, Z = -2.470, Z = -3.330 ตามลำดับ, p < .001) นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างไม่มีการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว 

ข้อเสนอแนะ โปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเองสามารถเพิ่มพฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลว และลดอัตราการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาลได้ ทีมสุขภาพควรนำไปประยุกต์ในการวางแผนดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว และการศึกษาครั้งต่อไปควรเป็นแบบทดลอง รวมถึงมีการติดตามผลต่อเนื่องเพื่อยืนยันประสิทธิผลของโปรแกรม

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Hoda B, Hummel S. Heart failure in older adults. Can J Cardiol. 2016;32(9):1140-7.

Benjamin EJ, Muntner P, Alonso A, Bittencourt MS, Callaway W, Carson AP, et al. Heart disease and stroke statistics-2019 update a report from the American Heart Association. Circulation. 2019;139(10):e56-e528. https://doi.org/10.1161/cir.0000000000000659 PMID: 30700139

Tasuwanin T, Pothiban L, Khampolsiri T. Effects of self-management enhancement on quality of life and rehospitalization rate among elderly with heart failure. Nursing Journal. 2019;46(4):108-21. Available from:https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/230308/156761 (in Thai)

Medical Records and Medical Statistics Service. Statistics of patients receiving services from the emergency department, Siriraj Hospital 2019; Bangkok. (in Thai)

Mulsrisuk S, Monkong S, Sutti N. Symptoms and signs, self-management of symptoms, and emergency department’s management of older adults with congestive heart failure. Journal of Thailand Nursing and Midwifery Council. 2022;37(3):144-58. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/257143/176511 (in Thai)

Promwong W, Siripitayakunkit A, Hanprasitkam K. Evaluation of health care services using a multidisciplinary care model for persons with heart failure at the heart failure clinic, Ramathibodi Hospital. Ramathibodi Nursing Journal. 2019;25(2):166-80. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RNJ/article/view/151194/150188 (in Thai)

Bandura A. Self-efficacy: toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review. 1977; 84(2):191–215. Available from: https://doi.org/10.1037/0033-295X.84.2.191 PMID: 847061

Riegel B, Moser DK, Buck HG, Dickson VV, Dunbar SB, Lee CS, et al. Self‐care for the prevention and management of cardiovascular disease and stroke. J Am Heart Assoc. 2017;6(9):e006997. Available from: https://doi.org/10.1161%2FJAHA.117.006997 PMID: 28860232

Amaritakomol A. Nursing roles in heart failure clinic. In: Kanjanavanit R, Phrommintikul A, editors. Comprehensive heart failure management program. Chiang Mai: Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital, Faculty of medicine, Chiang Mai University; 2013. p.77-91. Available from: http://www.thaiheart.org/images/column_1291454908/CMU%20HF%20Clinic.pdf (in Thai)

Jaarsma T. Inter-professional team approach to patients with heart failure. Heart. 2005;91(6):832–38. Available from: https://doi.org/10.1136%2Fhrt.2003.025296 PMID: 15894793

Pedcharat W, Namjuntra R, Binhosen V, Porapakkham P. Effects of self-management program on self-management behaviors and readmission of patients with heart failure after valvular heart surgery. Thai Journal of Cardio- Thoracic Nursing. 2017; 28(2): 38-51. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/journalthaicvtnurse/article/view/116704/89722 (in Thai)

Department of Emergency Medicine, Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Mahidol University. Guide to patient screening criteria. Bangkok. Faculty of Medicine Siriraj Hospital; 2015. (in Thai)

Norwood SL. Research strategies for advanced practice nurse. Upper Saddle River (NJ): Prentice Hall Health; 2000.

Little R, Rubin D. Statistical analysis with missing data, 3rd ed. Hoboken (NJ): Wiley; 2019.

Jaarsma T, Arestedt KF, Martensson J, Dracup K, Stromberg A. The European Heart Failure Self-care Behaviour scale revised into a nine-item scale (EHFScB- 9): a reliable and valid international instrument. Eur J Heart Fail. 2009;11(1):99-105. Available from: https://doi.org/10.1093/eurjhf/hfn007 PMID: 19147463

Poungkaew A, Sindhu S, Pinyopasakul W, Tresukosol D, Viwatwongkasem C. Evaluation of a health service system for heart failure management in Thailand. Suranaree J Sci Technol. 2018;25(3):295-306. Available from: https://ird.sut.ac.th/journal/sjst/#/los/manuscript/%202300

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-08-20

รูปแบบการอ้างอิง

1.
มุลศรีสุข ส, โยธา จ, จิรากร อ, ใจบริสุทธิกุล น, ธรรมกุล ช, เรืองปิยะสกุล ป. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลภาวะหัวใจล้มเหลวและอัตราการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว. J Thai Nurse Midwife Counc [อินเทอร์เน็ต]. 20 สิงหาคม 2024 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];39(03):439-54. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/268078

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Articles