การดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทางอุบัติเหตุในระยะวิกฤต: ความท้าทายและบทบาทของพยาบาล

ผู้แต่ง

  • เปรมปรีดิ์ นันทวงศ์ ฝ่ายการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • อภิชญา มั่นเกษวิทย์ ฝ่ายการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ตราภูมิ ยอดปา ฝ่ายการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

DOI:

https://doi.org/10.60099/jtnmc.v40i03.272336

คำสำคัญ:

การดูแลแบบประคับประคอง , ผู้ป่วยบาดเจ็บทางอุบัติเหตุระยะวิกฤต, บทบาทพยาบาล

บทคัดย่อ

ภาวะบาดเจ็บวิกฤตทางอุบัติเหตุเป็นภาวะที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ในทันทีทันใด เมื่ออาการของผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา การให้การดูแลแบบประคับประคองจึงเป็นแผนการรักษาทางเลือกที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ตั้งแต่เริ่มต้นของการดูแลไปจนถึงระยะสุดท้ายของชีวิต อย่างไรก็ตาม การดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางอุบัติเหตุในระยะวิกฤตยังคงเป็นความท้าทาย เนื่องจากลักษณะของภาวะบาดเจ็บมีความซับซ้อน เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่สามารถคาดการณ์ได้ บทความฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุความท้าทายในหลากหลายมิติ และระบุบทบาทของพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บวิกฤตทางอุบัติเหตุแบบประคับประคองที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตทางอุบัติเหตุการดูแลผู้ป่วยวิกฤตทางอุบัติเหตุแบบประคับประคองมีความท้าทายตั้งแต่เริ่มต้น คือ การพิจารณาเรื่องการแจ้งข่าวร้ายจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันให้กับครอบครัว และญาติ พยาบาลจะต้องคำนึงถึงภาวะทางจิตใจ และอารมณ์ โดยจะต้องมีทักษะในการสื่อสาร และสังเกตความรู้สึกของครอบครัว และญาติเป็นระยะ อีกทั้งต้องคำนึงถึงมาตรฐานจริยธรรมเมื่อผู้ป่วยและครอบครัวได้เลือก ที่แนวทางการรักษาประคับประคอง โดยพยาบาลจะต้องใช้จริยธรรมหลักในแง่มุมของความเป็นอิสระ ในการยินยอมเพื่อให้ได้รับการดูแลรักษา ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว จำเป็นต้องระบุเป้าหมายของการรักษา และการวางแผนการดูแลล่วงหน้าโดยผู้ตัดสินใจแทน พยาบาลจะต้องให้การดูแลโดยคำนึงถึงหลัก ประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย และไม่ก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเป้าหมายของการรักษา และ แผนการดูแลล่วงหน้า รวมถึงคำนึงหลักความยุติธรรม โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับการดูแลที่เท่าเทียมกับผู้ป่วยวิกฤตอื่น ๆ นอกจากนี้การดูแลที่มีความแตกต่างในช่วงวัย ถือเป็นความท้าทายอีกประเด็น เนื่องจากช่วงทารกจนถึงอายุ 18 ปี บริบทของสังคมส่วนใหญ่มีความคาดหวังถึงการเจริญเติบโต ซึ่งแตกต่างจากวัยผู้สูงอายุที่อาจมีการเตรียมความพร้อมสำหรับวาระสุดท้ายของชีวิตไว้แล้ว และการตัดสินใจที่จะได้รับการดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยกลุ่มอายุน้อยกว่า 18 ปี ในบริบทของสังคมไทยนั้นจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองอีกด้วย เมื่อเทียบกับผู้ป่วยสูงอายุที่ช่วงวัยนี้มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพของตน ดังนั้นพยาบาลควรมีความเข้าใจถึงปัจจัยความท้าทายที่แตกต่างกันของแต่ละช่วงอายุ แม้ว่า วิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งอเมริกาจะจัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้บาดเจ็บทางอุบัติเหตุ และได้พัฒนาแนวทางปฏิบัติสำหรับการดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยบาดเจ็บทางอุบัติเหตุโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการอธิบายและสรุปประเด็นสำคัญในสี่ด้าน ได้แก่ การจัดการอาการ การดูแลที่มุ่งเน้นผู้ป่วยและครอบครัว และแนวทางการดูแลสุขภาพจิตและสังคม-จิตวิญญาณ รวมถึงการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างทีมสหวิชาชีพและครอบครัว แต่บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทางอุบัติเหตุในภาวะวิกฤตยังขาดความชัดเจน เมื่อบูรณาการบทบาทอิสระของพยาบาลเข้ากับข้อเสนอแนะจากโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้บาดเจ็บทางอุบัติเหตุในการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ควบคู่ไปกับกระบวนการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางอุบัติเหตุในระยะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ ได้สรุปบทบาทของพยาบาลที่เกี่ยวข้องไว้ 5 ด้านคือ 1) บทบาทในการส่งเสริมการดูแลที่ให้ความสำคัญกับตัวบุคคล โดยจะต้องให้การพยาบาลที่มุ่งเน้นผู้ป่วยและครอบครัว รวมถึงการส่งเสริมแนวทางการดูแลแบบองค์รวม ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เช่น การระบุผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ แทนผู้ป่วยภายใน 24 ชั่วโมง ระบุเป้าหมายของการรักษาและการวางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับการดูแลภายใน 72 ชั่วโมงตามลำดับหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พยาบาลควรให้ข้อมูลความเจ็บป่วยของผู้ป่วย การดำเนินของโรค แก่ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจแทน และครอบครัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ข้อมูล การรักษาทางเลือกแบบประคับประคอง อีกทั้งการประเมินความต้องการในการประกอบพิธีความเชื่อทางศาสนาในระยะสุดท้ายของตัวผู้ป่วยและครอบครัว 2) บทบาทในการสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวก โดยเน้นการดูแลของพยาบาลที่ส่งเสริมความสัมพันธ์เพื่อการบำบัด รับฟังอย่างตั้งใจ เพื่อให้ผู้มีอำนาจ ในการตัดสินใจแทนผู้ป่วยและครอบครัวได้ระบายความรู้สึก ความเศร้าโศกเสียใจหลังจากเกิดเหตุการทางอุบัติเหตุอย่างกระทันหัน รวมถึงระบุความขัดแย้งต่อการได้รับการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อให้ครอบครัวสามารถมองเห็นถึงสภาพปัญหา และสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ อีกทั้งให้การดูแล โดยคำนึงถึงประเด็นด้านจริยธรรม และพยาบาลจะต้องเป็นตัวกลางระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วย 3) บทบาทด้านสมรรถนะทการพยาบาลและเทคนิค รวมถึงการส่งเสริมความปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการอาการของผู้ป่วย ในช่วงวิกฤต โดยเฉพาะอาการปวด หายใจลำบาก และกระหายน้ำ โดยพยาบาลจะต้องมีการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัยเพื่อให้การพยาบาลที่มีคุณภาพ เช่น มีการเลือกใช้เครื่องมือ และการประเมินที่แม่นยำนำไปสู่การดูแลที่เหมาะสม และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤต 4) บทบาทความเป็นผู้นำทางคลินิก พยาบาลจะต้องประเมินความต้องการรับทราบข้อมูลของผู้มีอำนาจตัดสินใจแทน และครอบครัว ส่งเสริมให้เกิดการประชุมระหว่างครอบครัวและบุคลากรผู้ดูแล เพื่อให้มีการรับทราบ ข้อมูลความเจ็บป่วย และการดำเนินโรคของผู้ป่วยเป็นระยะ รวมถึงการให้คำปรึกษาในการดูแลแบบประคับประคอง กรณีที่ผู้ป่วยและครอบครัวมีความซับซ้อน พยาบาลจะต้องประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญ ด้านดูแลแบบประคับประคองโดยตรงเพื่อการปรึกษาส่งต่อ และ 5) บทบาทในการจัดการสิ่งแวดล้อม พยาบาลควรประเมินความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และควรจัดสรรพื้นที่เพื่อให้ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้ายใช้เวลากับครอบครัว รวมถึง เมื่อมีการประชุมระหว่างครอบครัวและบุคลากรผู้ดูแล หรือ การแจ้งข่าวร้าย พยาบาลควรดูแลจัดสถานที่ ให้มีความสงบและเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วย และครอบครัว อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจมีชีวิตรอดหลังพ้นช่วงวิกฤต และการดูแลแบบประคับประคองมิได้สิ้นสุดลงเพียงแค่การเสียชีวิตของผู้ป่วยเสมอไป ดังนั้นการวางแผนการดูแลจึงควรมีฐานที่ตั้งอยู่บนความร่วมมือของชุมชนและครอบครัวร่วมด้วย เพื่อการสร้างระบบการดูแลแบบประคับประคองอย่างยั่งยืนสามารถประสบความสำเร็จ ได้ด้วยความร่วมมือของทีมสหสาขาวิชาชีพ โดยมีพยาบาลเป็นผู้ประสานงาน อีกทั้งแนวทางการดูแลแบบประคับประคองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของวัฒนธรรมไทย ซึ่งมักมีการตีความว่าการดูแลแบประคับประคองเป็นเรื่องเลวร้ายหรือเป็นสัญญาณของจุดจบ ด้วยเหตุนี้ พยาบาลจึงจำเป็นต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านองค์ความรู้ การมีความเห็นอกเห็นใจ และความสามารถในการแสดงความเข้าอกเข้าใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก นอกจากนี้ องค์กรควรส่งเสริมให้มีการจัดอบรมหรือหลักสูตรเกี่ยวกับการดูแลแบบประคับประคองอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาศักยภาพของพยาบาลในการให้การดูแลที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะทางของผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม ในส่วนของพยาบาลหอผู้ป่วยวิกฤต โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยอุบัติเหตุ จำเป็นต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีบทบาทในการดำเนินงานวิจัย เพื่อสนับสนุนการจัดทำนโยบายด้านการดูแลแบบประคับประคอง เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สนับสนุนนโยบายด้านการดูแลแบบประคับประคองยังมีค่อนข้างจำกัด

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Ferre AC, DeMario BS, Ho VP. Narrative review of palliative care in trauma and emergency general surgery. Ann Palliat Med. 2022;11(2):936–46. https://doi.org/10.21037/apm-20-2428 PMID: 34551577

Wantonoro W, Suryaningsih EK, Anita DC, Nguyen TV. Palliative care: A concept analysis review. SAGE Open Nurs. 2022;8:23779608221117379. https://doi.org/10.1177/23779608221117379 PMID: 35966230

World Health Organization. Palliative care [Internet]. 2020 [cited 2025 Mar 31]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/palliative-care

Abe T, Komori A, Shiraishi A, Sugiyama T, Iriyama H, Kainoh T, et al. Trauma complications and in-hospital mortality: Failure-to-rescue. Crit Care. 2020;24(1):223. https://doi.org/10.1186/s13054-020-02951-1 PMID: 32414401

American College of Surgeons. Statement of principles of palliative care [Internet]. 2005. [cited 2025 Mar 31]. Available from: https://www.facs.org/aboutacs/statements/principles-of-palliative-care/

Pierce JG, Ricon R, Rukmangadhan S, Kim M, Rajasekar G, Nuño M, et al. Adherence to the TQIP palliative care guidelines among patients with serious illness at a level I trauma center in the US. JAMA Surg. 2022;157(12):1125–32. https://doi.org/10.1001/jamasurg.2022.4718 PMID: 36260298

Viera-Ortiz L, Munet C, Nieves-Plaza M. Palliative care consultation and EOL care in trauma patients: A descriptive study (GP798). J Pain Symptom Manage. 2020;60(1):303. Available from: https://doi.org/10.1016/j.jpainsymman.2020.04.225

Kunakornvong W, Ngaosri K. Public awareness and attitude toward palliative care in Thailand. Siriraj Med J. 2020;72(5):424–30. Available from: https://doi.org/10.33192/smj.2020.57

Esquibel BM, Waller CJ, Borgert AJ, Kallies KJ, Harter TD, Cogbill TH. The role of palliative care in acute trauma: When is it appropriate? Am J Surg. 2020;220(6):1456–61. https://doi.org/10.1016/j.amjsurg.2020.10.002 PMID: 33051066

Moran S, Bailey ME, Doody O. Role and contribution of the nurse in caring for patients with palliative care needs: A scoping review. PLoS One. 2024;19(8): e0307188. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0307188 PMID: 39178200

Griffiths A, Baker E. Exploring the experiences of healthcare professionals when breaking bad news in major trauma care. Emerg Nurse. 2024;32(6):26–33. https://doi.org/10.7748/en.2024.e2194 PMID: 39497501

Khaitan S. Ethical considerations in trauma care: Balancing patient autonomy and beneficence. Journal Trauma Critical Care. 7(4):159. Available from: https://www.alliedacademies.org/trauma-and-critical-care/

Chotai PN, Kuzemchak MD, Patel MB, Hammack-Aviran C, Dennis BM, Gondek SP, et al. The choices we make: Ethical challenges in trauma surgery. Surgery. 2022;172(1):453–9. https://doi.org/10.1016/j.surg.2022.01.040 PMID: 35241303

Setyoharsih TW, Awaludin S. Non-Maleficence concept in palliative care patient in ICU: A concept analysis. InternatJrnl. 2024;7(5):554–8. Available from: https://doi.org/10.33024/minh.v7i5.310

McLaughlin MF. Ethical challenges in the care of the trauma patient. Crit Care Nurs Clin North Am. 2023;35(2):145–9. https://doi.org/10.1016/j.cnc.2023.02.006 PMID: 37127371

Goswami J, Baxter J, Schiltz BM, Elsbernd TA, Arteaga GM, Klinkner DB. Optimizing resource utilization: Palliative care consultations in critically ill pediatric trauma patients. Trauma Surg Acute Care Open. 2023;8(1):e001143. https://doi.org/10.1136/tsaco-2023-001143 PMID: 38020850

Edsall A, Howard S, Dewey EN, Siegel T, Zonies D, Brasel K, et al. Critical decisions in the trauma intensive care unit: Are we practicing primary palliative care? J Trauma Acute Care Surg. 2021;91(5):886–90. https://doi.org/10.1097/ta.0000000000003324 PMID 34695065

Whitelaw, S., Bell, A., & Clark, D. The expression of ‘policy’ in palliative care: a critical review. Health policy.2022; 126(9), 889-898. https://doi.org/10.1016/j.healthpol.2022.06.010 PMID: 35840439

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-07-08

รูปแบบการอ้างอิง

1.
นันทวงศ์ เ, มั่นเกษวิทย์ อ, ยอดปา ต. การดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทางอุบัติเหตุในระยะวิกฤต: ความท้าทายและบทบาทของพยาบาล. J Thai Nurse Midwife Counc [อินเทอร์เน็ต]. 8 กรกฎาคม 2025 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];40(03):363-76. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/272336

ฉบับ

ประเภทบทความ

Academic Article