การศึกษาเปรียบเทียบผลของการฉีดสเตียรอยด์ก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการปวดแผลหลังการผ่าตัดต่อมทอนซิล ณ โรงพยาบาลราชบุรี
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอาการปวดแผล หลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลในกลุ่มทดลอง ที่ได้รับการฉีดสเตียรอยด์ (dexamethasone) ก่อนการผ่าตัดต่อมทอนซิล กับกลุ่มทดลองที่ไม่ได้รับการฉีดสเตียรอยด์ก่อนการผ่าตัดต่อมทอนซิล
วิธีการศึกษา: ศึกษาวิจัยเชิงทดลองแบบ retrospective cohort experimental study ในผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดต่อมทอนซิลที่โรงพยาบาลราชบุรี ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2557 ถึง 31 สิงหาคม 2558 โดยแบ่งผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 18 ปี และยินยอมเข้าร่วมโครงการวิจัยออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับ และไม่ได้รับการฉีดสเตียรอยด์ (dexamethasone 8 mg) เข้าทางหลอดเลือดดำก่อนผ่าตัดต่อมทอนซิล จากนั้นทำการสังเกตอาการปวดแผลหลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลแล้วนำข้อมูลที่ได้มาคำนวณทางสถิติต่อไป
ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยที่ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมการวิจัยทั้งสิ้น 25 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 14 ราย (ร้อยละ 56) เพศหญิง 11 ราย (ร้อยละ 44) ทั้งหมดอยู่ในช่วงอายุ 20-62 ปี พบว่าระดับความปวดแผลหลังผ่าตัดต่อมทอนซิลในกลุ่มที่รับการฉีดสเตียรอยด์น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีดสเตียรอยด์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 6, 12, 24 ชั่วโมงตามลำดับ (p-value at 6,12, 24 hr = 0.002, 0.008, 0.002) และระยะเวลาที่ใช้ในการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของกลุ่มที่ได้รับการฉีดสเตียรอยด ์ น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับฉีดสเตียรอยด ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน (p-value<0.001) ในขณะที่ปริมาณการเสียเลือดขณะผ่าตัด ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระหว่างทั้งสองกลุ่ม (p-value>0.05)
สรุปผล: การฉีดสเตียรอยด์ (dexamethasone 8 mg) เข้าหลอดเลือดดำก่อนการผ่าตัดต่อมทอนซิล สามารถช่วยลดอาการปวดแผลหลังจากการผ่าตัดต่อมทอนซิล และลดระยะเวลาการนอนพักฟื้นหลังผ่าตัดในโรงพยาบาลได้ แต่ไม่ช่วยลดปริมาณการเสียเลือดขณะผ่าตัด
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนบทความ แต่หากผลงานของท่านได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ลงวารสารแพทย์เขต 4-5 จะคงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตีพิมพ์ครั้งแรกด้วยเหตุที่บทความจะปรากฎในวารสารที่เข้าถึงได้ จึงอนุญาตให้นำบทความในวารสารไปใช้ประโยชน์ได้ในเชิงวิชาการโดยจำเป็นต้องมีการอ้างอิงถึงชื่อวารสารอย่างถูกต้อง แต่ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์