Predicting Factors for the Risk of NCDs (Diabetes and Hypertension) Among the Working-Age Service Receivers in Health Promotion Hospital, Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi

Authors

  • Nantawan Tulpraneetkul B.N.S., Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi

Keywords:

diabetes, hypertension, predictors, working-age group

Abstract

Objective: This study aims to investigate the predicting factors for the risk of developing diabetes, hypertension, and co-occurrence of diabetes with hypertension among the working-age service receivers in Health Promotion Hospital, Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi.

Methods: This is a retrospective analytic study conducted by collecting secondary data from the medical records of working-age individuals who received services at the Health Promotion Hospital, Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi, Ratchaburi Province, from October 1, 2022 to September 30, 2023. A total of 1,342 medical records was included. The data were analyzed to identify predictors of the risk factors of developing diabetes, hypertension, and co-occurrence of diabetes with hypertension, using frequency distribution, percentage, mean, standard deviation, t test independent, chi-square test, and odds ratio between the disease (NCDs) group and the non-disease (NCDs) group using binary logistic regression with 95% confidence interval.

Results: The group of working-age service recipients had an average age of 43.69 years, with 23.8% being male and 76.2% female. The average body mass index (BMI) was 24.17 kg/m², with an average systolic blood pressure of 120.37 mmHg and an average diastolic blood pressure of 73.14 mmHg. The majority of the working-age service recipients did not exercise (96.6%), while 2.5% were smokers and 3.7% consumed alcohol regularly. The results of the binary logistic regression analysis revealed that 1) the predicting factors for the risk of diabetes among the working-age service receivers included four factors: age (OR = 1.107, p < .001); body mass index (OR = 1.182, p < .001); systolic blood pressure (OR = 1.028, p = .033); and exercise behaviors, no exercises (OR = 12.657, p < .001) and occasional exercises (OR = 8.337, p = .013). 2) The predicting factors for the risk of hypertension among the working-age service receivers included three factors:  age (OR = 1.128, p < .001); body mass index (OR = 1.097, p = < .001); systolic blood pressure (OR = 1.061, p < .001); and diastolic blood pressure (OR = 1.031, p = .022). 3) The predicting factors for the risk of co-occurrence of diabetes with hypertension among the working-age service receivers included four factors:  age (OR = 1.161, p < .001); body mass index (OR = 1.237, p = < .001); systolic blood pressure (OR = 1.057, p = .004); and exercise behavior, no exercises (OR = 17.184, p < .001) and occasional exercises (OR = 13.035, p = .037).

Conclusion: Age, body mass index (BMI), blood pressure levels, and exercise behaviors can predict the risk of NCDs (diabetes and hypertension) among the working-age service receivers in Health Promotion Hospital, Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi.

References

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2563.

เพชราพร วุฒิวงศ์ชัย, กัณฑพล ทับหุ่น, สุธาทิพย์ ภัทรกุลวณชย์, บรรณาธิการ. แนวทางชุมชนลดเสี่ยงลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (CBI NCDs) ขององค์กรปกครองส่งท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: อีโมชั่น อ๊าด; 2562.

ทิพมาส ชิณวงศ์. การจัดการรายกรณีผู้ที่เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2560;30(1):148–157.

กมลาศ ทองมีสิทธิ์ โยสท์, จิตนภา วาณิชวโรตม์, กฤษณา ตรียมณีรัตน์. พัฒนารูปแบบการให้บริการวิถีใหม่ สำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (เบาหวานและความดันโลหิตสูง) [รายงานฉบับสมบูรณ์].นนทบุรี: สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข; 2565.

กฤษดา ธีรวรชัย, ธรรมรัฐ ต่อพิพัฒน์, นงลักษณ์ ก่อวรกุล, และคณะ. รูปแบบการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) สำหรับส่งเสริมสุขภาพประชาชนเพื่อรองรับ Covid - 19 อย่างมีส่วนร่วม: กรณีศึกษา กลุ่มวัยทำงานในสถานประกอบการ [วิทยานิพนธ์ประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง]. กรุงเทพมหานคร: สถาบันพระปกกล้า; 2563.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. การประเมินและการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพและสุขภาวะครอบครัว กลุ่มเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง: การพัฒนาโมเดลเชิงสาเหตุทางวัฒนธรรมของ พฤติกรรมสุขภาพและโปรแกรมจิตวิทยาเชิงบวกและความรอบรู้ด้านสุขภาพ [รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์].กรุงเทพมหานคร: สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2561.

นิพพาภัทร์ สินทรัพย์, จิณวัตร จันครา, บุปผา ใจมั่น. โรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ: เพชฌฆาตเงียบที่ควรตระหนัก. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 2560;28(1):100–1.

ตวงพร พิกุลทอง, ภัทรพล มากมี. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของผู้ที่มีความเสี่ยง ในอำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต]. คณะสาธารณสุขศาสตร์. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2564

กระทรวงสาธารณสุข. กลุ่มรายงานมาตรฐานการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567]. เข้าถึงได้จาก: URL: https://hdcservice.moph.go.th

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. กรุงเทพมหานคร: ศรีเมืองการพิมพ์; 2566.

แสงวุตร พรมมหา. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงเบาหวานเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงหมอเมืองบ่อแตน แขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว[วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. อุตรดิตถ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์; 2564

รณิตา เตชะสุวรรณา, สุทัศน์ โชตนะพันธ์, กนิษฐา จำรูญสวัสดิ์, และคณะ. ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่สองในไทย. วารสารควบคุมโรค 2563;46(3):268–277.

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ. 2562. เชียงใหม่: ทริคธิงค์; 2562.

วิไลวรรณ คมขำ, กมลทิพย์ ขลังธรรมเนียม, นพนัฐ จำปาเทศ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานร่วมกับโรคความดันโลหิตสูงที่มีระดับความเสี่ยงสูงในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบุรี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี 2566;5(2):44–56.

ศรีพร รอดแก้ว, อรทัย นนทเภท, เรวดี เพชรศิราสัณห์. ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกายกับความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก 2564;32(2):120–30.

พรพันธ์ เฉลิมรัมย์, แสวง วัชระธนกิจ. อุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารเภสัชกรรมไทย 2563;12(3):677–85.

ขวัญหทัย ไตรพืช, พรทิพย์ มาลาธรรม, ขนิตฐา หาญประสิทธิ์คำ, และคณะ. การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2553;16(2):259–78.

เสาวลักษณ์ ทาแจ้ง, จุฑารัตน์ เสาวพันธ์, รุ่งระวี ถนอมทรัพย์. การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับการลดการสัมผัสควันบุหรี่ สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ราชธานีวิชาการ ครั้งที่ 2 เรื่อง การวิจัย 4.0 เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน; 26–27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560; มหาวิทยาลัยราชธานี.อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชธานี; 2560

Tasnim S, Tang C, Musini VM, et al. Effect of alcohol on blood pressure. Cochrane Database Syst Rev 2020;7(7):CD012787. doi: 10.1002/14651858.CD012787.pub2.

Published

2024-09-27

How to Cite

1.
Tulpraneetkul N. Predicting Factors for the Risk of NCDs (Diabetes and Hypertension) Among the Working-Age Service Receivers in Health Promotion Hospital, Regional Health Promotion Center 5 Ratchaburi. Reg 4-5 Med J [internet]. 2024 Sep. 27 [cited 2025 Dec. 7];43(3):463-78. available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/reg45/article/view/271359