การศึกษาภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติก ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มินในโรงพยาบาลนครปฐม

ผู้แต่ง

  • พนิตา ค้าผล ภบ., โรงพยาบาลนครปฐม
  • วีรชัย โฆษิตชัยยงค์ ภม., โรงพยาบาลนครปฐม
  • สาวิณี โชคเฉลิมวงศ์ ภม., โรงพยาบาลนครปฐม
  • ณัฐธิดา วรรณุรักษ์ ภบ., โรงพยาบาลนครปฐม
  • จุติมาศ โอษฐ์งาม ภบ., โรงพยาบาลนครปฐม

คำสำคัญ:

เมทฟอร์มิน, ภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติกที่สัมพันธ์กับใช้ยาเมทฟอร์มิน (MALA), โรคเบาหวานชนิดที่ 2

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาลักษณะของผู้ป่วยที่มีการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติก ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มิน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติกซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มิน

          วิธีการศึกษา: การศึกษาเชิงพรรณนา โดยเก็บข้อมูลย้อนหลังในผู้ป่วยในที่เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลกติก และได้รับยาเมทฟอร์มิน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566 โดยใช้โปรแกรม chi-square test, t test, และ Fisher's exact test ในการหาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติก

ผลการศึกษา: จากการทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วยที่เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจำนวนทั้งหมด 325 ราย ได้รับยาเมทฟอร์มิน 261 ราย (ร้อยละ 80.3) พบว่ามีผู้ป่วยที่เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของ           กรดแลคติกที่สัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มิน (MALA) จำนวน 73 ราย เป็นเพศชาย 32 ราย (ร้อยละ 43.8), เพศหญิง 41 ราย (ร้อยละ 56.2), อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 60 ปี 49 ราย (ร้อยละ 67.1), อายุน้อยกว่า 60 ปี 24 ราย (ร้อยละ 32.9) ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติก ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงานของไตเมื่อเข้าโรงพยาบาลมีค่าน้อยกว่า 60 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร 59 ราย (ร้อยละ 80.8; OR = 5.64; 95% Cl = 2.86–11.11; RR = 3.26; 95% Cl = 2.26–4.70; p < .05); ระดับครีเอตินินในซีรั่ม มากกว่า 1.02 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 58 ราย (ร้อยละ 79.4; OR = 4.16; 95% Cl = 2.15–8.08; RR = 2.66; 95% Cl = 1.86–3.79; p < .05); และประสิทธิภาพการทำงานของตับจากเอนไซม์ aspartate transaminase มากกว่าค่าปกติเกิน 35 หน่วยสากลต่อลิตร ในเพศหญิง และมากกว่า 40 หน่วยสากลต่อลิตร ในเพศชาย พบ 39 ราย (ร้อยละ 53.4; OR = 2.68; 95% Cl = 1.37–5.23; RR = 1.81; 95% Cl = 1.35–2.44; p = .003) ปัจจัยอื่นที่สัมพันธ์กับการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ได้แก่ ภาวะไตวายเฉียบพลัน 57 ราย (ร้อยละ 78.1; OR = 30.28; 95% Cl = 13.83–66.30; RR = 1.67; 95% Cl = 1.18–2.34; p < .05); การช็อกจากการติดเชื้อ 22 ราย (ร้อยละ 30.1; OR = 6.74; 95% Cl = 2.81–16.12; RR = 1.82; 95% Cl = 1.21–2.73; p < .05); การติดเชื้อในกระแสเลือด 17 ราย (ร้อยละ 23.3; OR = 2.80; 95% Cl = 1.27–6.16; RR = 6.77; 95% Cl = 4.82–9.50; p = .009); และภาวะขาดออกซิเจน 14 ราย (ร้อยละ 19.2; OR = 15.54; 95% Cl = 3.42–70.57; RR = 2.53; 95% Cl = 2.01–3.17; p < .05) การวินิจฉัยหลักส่วนใหญ่ที่เข้าโรงพยาบาล ได้แก่ โรคทาง infection 13 ราย (ร้อยละ 17.8) รองลงมาได้แก่ ภาวะช็อกจากการติดเชื้อ 7 ราย (ร้อยละ 9.6) และการติดเชื้อในกระแสเลือด 4 ราย (ร้อยละ 5.5) การวินิจฉัยหลักที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด คือ ภาวะหัวใจล้มเหลว 3 ราย (ร้อยละ 4.1; OR = 0.90; 95% Cl = 0.27–2.95; RR = 1.42; 95% Cl = 0.691–2.90; p < .01)

สรุป: การศึกษานี้พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลกติกที่สัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มิน ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลนครปฐม คือ ประสิทธิภาพการทำงานของไตวันที่เข้าโรงพยาบาล ระดับครีเอตินินในซีรั่ม ประสิทธิภาพการทำงานของตับ ภาวะไตวายเฉียบพลัน การช็อกจากการติดเชื้อ การติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งหากมีแนวทางในการคัดกรองผู้ป่วยจากปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากภาวะนี้ได้

เอกสารอ้างอิง

วันทนี อภิชนาพงศ์. กรณีศึกษา metformin-associated lactic acidosis. วารสารเภสัชกรรมโรงพยาบาล 2020;30(1):26–33.

วิกาวี รัศมีธรรม. การศึกษาการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากแล็กติกคั่งจากยาเมทฟอร์มิน โดยใช้ข้อมูลรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาของศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย [วิทยานิพนธ์เภสัชศาสตร์มหาบัณฑิต]. สาขาเภสัชกรรมคลินิก, บัณฑิตวิทยาลัย. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2562.

สิริรัตน์ ภูมิรัตนประพิณ. ผลการใช้แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดแลกติกเกินซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มิน ในโรงพยาบาลชัยภูมิ. ชัยภูมิเวชสาร 2566;43(1):1–10.

สรุปรายงานการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา Metformin จากฐานข้อมูล Thai Vigibase ระหว่าง ปี พ.ศ. 2560–2564. ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพบ [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567]; เข้าถึงได้จาก: URL: https://hpvcth.fda.moph.go.th/wp-content/uploads/file_atth_2020/hpvc_2021_09_29_133248.pdf

วิลาสินี เสียงตรง, บุญส่ง เอี่ยมฤกษ์ศิริ, พัชรี ยิ้มรัตนบวร, และคณะ. ปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะ Metformin associated lactic acidosis ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 ที่ได้รับยาเมทฟอร์มิน โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ระหว่าง พ.ศ. 2555–2560. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2562;28(5):1066–76.

ปัญจพล กอบพึ่งตน. ปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อการเกิดภาวะกรดแลกติกในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับยา metformin ในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. เชียงรายวารสาร 2563;12(1):44–51.

จันทร์ทิพย์ กาญจนศิลป์, นฤมล คูณเจริญรัตน์, อัจฉรียา สีหะวงศ์, และคณะ. ปัจจัยเสี่ยงของภาวะเลือดเป็นกรดจากแลคติกในเลือดสูงเนื่องจากยาเม็ทฟอร์มิน ในคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้ยาเม็ทฟอร์มิน. วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ 2566;18(1): 84–9.

สุภาภรณ์ แก้วชนะ. การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากยา Metformin ในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ที่รักษาในโรงพยาบาลนางรอง ปี 2559–2564. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ 2566;4(1):1–12.

Dyatlova N, Tobarran NV, Kannan L, et al. Metformin-Associated Lactic Acidosis (MALA) [Internet]. 2023 [cited 2024 October 9]; Available from: URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK580485/

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ค้าผล พ, โฆษิตชัยยงค์ ว, โชคเฉลิมวงศ์ ส, วรรณุรักษ์ ณ, โอษฐ์งาม จ. การศึกษาภาวะเลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแลคติก ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ยาเมทฟอร์มินในโรงพยาบาลนครปฐม. Reg 4-5 Med J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2025 [อ้างถึง 6 ธันวาคม 2025];44(2):287-301. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/reg45/article/view/276482