การพัฒนารูปแบบกระบวนการจัดการปัญหาวัณโรคโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายสุขภาพ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
คำสำคัญ:
วัณโรคปอด, การวิจัยและพัฒนา, การมีส่วนร่วมของชุมชน, THAI-CURE Modelบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาสถานการณ์และปัญหาการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดในชุมชน พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดในอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง และประเมินผลการนำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นไปใช้จริงในการดูแลผู้ป่วยวัณโรค
วิธีการศึกษา: ใช้ทฤษฎีระบบเป็นกรอบแนวคิด และแนวทางการบริหารคุณภาพแบบ PDCA (Plan–Do–Check–Act) ร่วมกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในชุมชน ภายใต้ยุทธศาสตร์ “End TB Strategy” ขององค์การอนามัยโลก กลุ่มตัวอย่างจำนวน 93 คน ประกอบด้วย ทีมสหวิชาชีพด้านวัณโรค พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้นำชุมชน และผู้ป่วยวัณโรคปอด เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึกผลการดำเนินงาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงคุณภาพ
ผลการศึกษา: พบว่าก่อนการพัฒนา ระบบการดำเนินงานวัณโรคในชุมชนมีข้อจำกัดด้านการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ครอบคลุม การติดตามผู้ป่วยที่ไม่ต่อเนื่อง และการสื่อสารระหว่างหน่วยบริการยังไม่เป็นเอกภาพ รูปแบบที่พัฒนาขึ้นคือ “THAI-CURE Model” ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบหลัก ครอบคลุมการค้นหา การรักษา การติดตาม และการสนับสนุนแบบมีส่วนร่วมของชุมชน หลังการนำรูปแบบไปใช้ พบว่าผลลัพธ์ด้านการดูแลผู้ป่วยวัณโรคดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพิ่มจาก ร้อยละ 76.6 เป็น 96.8, อัตราความสำเร็จของการรักษาเพิ่มจาก ร้อยละ 80.2 เป็น 95.5, อัตราการขาดยาลดลงจาก ร้อยละ 6.7 เหลือ ร้อยละ 2.1, และอัตราการเสียชีวิตลดลง ร้อยละ 78.2 จาก ร้อยละ 6.6 เหลือ ร้อยละ 1.4 นอกจากนี้ การดำเนินงานวัณโรคในชุมชนผ่านเกณฑ์คุณภาพระดับดีเยี่ยม
สรุป: การพัฒนา “THAI-CURE Model” มีประสิทธิผลในการเสริมสร้างระบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนให้มีความครอบคลุม ต่อเนื่อง และยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค พ.ศ. 2566 ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน การกำกับการกินยาแบบดิจิทัล และการทำงานแบบทีมสหวิชาชีพเป็นกลไกหลักของความสำเร็จ
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. The end TB atrategy: Global strategy and targets for tuberculosis prevention, care and control after 2015. Geneva: WHO; 2015.
World Health Organization. Global tuberculosis report 2023. Geneva: WHO; 2023.
กรมควบคุมโรค. รายงานสถานการณ์วัณโรคประเทศไทย พ.ศ. 2565. กรุงเทพมหานคร: สำนักวัณโรค; 2565.
กระทรวงสาธารณสุข. ยุทธศาสตร์วัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2566–2573. กรุงเทพมหานคร: กรมควบคุมโรค; 2566.
กรมควบคุมโรค. แนวทางเวชปฏิบัติการควบคุมวัณโรคแห่งชาติ (National tuberculosis guideline 2023). กรุงเทพมหานคร: สำนักวัณโรค; 2566.
กรมควบคุมโรค. แผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566–2570. กรุงเทพมหานคร: กองวัณโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2566.
Von Bertalanffy L. General system theory: Foundations, development, applications. New
York: George Braziller; 1968.
Deming WE. Out of the crisis. Cambridge (MA): MIT Press; 1986.
มุกดา วิเศษ, นพดล พิมพ์จันทร์. การพัฒนารูปแบบการป้องกันวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก
โดยกระบวนการชุมชนมีส่วนร่วม. วารสารวิจัยงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น. 2563;33(4):455–70.
อุไร โชควรกุล. การพัฒนารูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรค อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม.
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 2566;20(1):85–98.
Guest G, Bunce A, Johnson L. How many interviews are enough? An experiment with data saturation and variability. Field Methods. 2006;18(1):59–82.
Borg WR, Gall MD. Educational Research: An Introduction. 5th ed. New York: Longman; 1989.
McHugh ML. The chi-square test of independence. Biochem Med (Zagreb). 2013;23(2):143–9.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนบทความ แต่หากผลงานของท่านได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ลงวารสารแพทย์เขต 4-5 จะคงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตีพิมพ์ครั้งแรกด้วยเหตุที่บทความจะปรากฎในวารสารที่เข้าถึงได้ จึงอนุญาตให้นำบทความในวารสารไปใช้ประโยชน์ได้ในเชิงวิชาการโดยจำเป็นต้องมีการอ้างอิงถึงชื่อวารสารอย่างถูกต้อง แต่ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
