ผลลัพธ์การพัฒนาแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วน(Fast track guideline)และการปรับปรุงระบบในหน่วยงานสำหรับผู้ป่วย Acute coronary syndrome ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลนางรอง
คำสำคัญ:
แบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วน, ผู้ป่วย Acute coronary syndrome, ความเสี่ยงทางคลินิก, ความเสี่ยงเฉพาะโรคบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์การดูแลรักษาผู้ป่วย Acute coronary syndromeช่วงที่1และช่วงที่2
หลังจากการมีแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วน
: เพื่อหาสาเหตุหรือปัญหาจากการพัฒนาระบบแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไข
: เพื่อหาภาวะเสี่ยงเฉพาะโรคที่สัมพันธ์ต่อการเสียชีวิต
รูปแบบการวิจัย : การศึกษาเชิงพรรณนาแบบวิเคราะห์ข้อมูลไปข้างหน้า
วิธีการทำวิจัย : รวบรวมผู้ป่วย Acute coronary syndromeได้แก่ผู้ป่วย STEMI, NSTEMI, Unstable angina high risk หลังการมีแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วนช่วงที่1ในระหว่าง กันยายน 2550 - เมษายน 2551 จำนวน 57 รายและหลังการมีแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วน ช่วงที่2ในระหว่างพฤษภาคม 2551 - สิงหาคม 2551 จำนวน 80 ราย โดยมีการวิเคราะห์ปัญหาของการดูแลผู้ป่วย ความเสี่ยงทาง คลินิก ความเสี่ยงเฉพาะโรคที่สัมพันธ์ต่อการเสียชีวิตและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
ผลการศึกษา :เมื่อ เปรียบเทียบผู้ป่วย Acute coronary syndrome.ในระหว่างพฤษภาคม 2551 - สิงหาคม 2551และ กันยายน 2550 - เมษายน 2551 พบว่าการซักประวัติและวัด vital sign ได้ถูกต้อง 87.5% (ก่อน 81.45%) , EKGภายในระยะเวลา 10 นาที90%(ก่อน76.89),ได้รับยาASA/nitrate(isordil SL)ทันทีภายในระยะเวลา 15 นาที 95%(ก่อน71.16%), ได้รับยา Enoxaparin/Streptokinaseภายในระยะเวลา30นาทีถ้าไม่มีข้อห้าม 97.5% (ก่อน89.02%), ได้รับผลทางพยาธิ
วิทยา (lab MI) ภายในระยะเวลา 30-60นาที97.5%(ก่อน98.54%), มีการเฝ้าระวังในยาhigh alert drugทุกครั้งเมื่อได้รับยา Enoxaparin/Streptokinase98.75%(ก่อน68.67%), พยาบาล ICU สามารถอ่าน EKGได้ถูกต้อง92.5%(ก่อน75%), มีdischarged plan ก่อนจำหน่ายอย่าง เหมาะสมและเป็นสหสาขาวิชาชีพ80%(ก่อน34.71%), เสียชีวิตไม่คาดหวัง3.05%(ก่อน1.66%), ได้รับการส่งต่ออย่างปลอดภัย97.5% (ก่อน100%) นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ติดตามนั้นเป็นกลุ่ม Killip classification class 3 คิดเป็น 27%, Killip classification class 4 คิดเป็น 8.02%, ภาวะหัวใจ เต้นผิดจังหวะ VT/VF1.45%, AV Block2.18%, AF 4.37%, SVT 1.45%, Atrial flutter 0.72% สำหรับปัญหาจากการพัฒนาระบบดังกล่าวพบว่ามีเสียชีวิตไม่คาดหวังเพิ่มขึ้นและเกิดความเสี่ยง ระหว่างที่มีการส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์เพิ่มขึ้นจึงเกิดการพัฒนาได้แก่ ปรับปรุงแนวทางการรักษาGuide l เพิ่มเติมเรื่องAtypical angina pain ในกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง ผู้ป่วยสูบบุหรี่ การพัฒนาคลินิกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยกลุ่ม
สรุป : การพัฒนาแบบแผนการดูแลรักษาแบบเร่งด่วนร่วมกับการปรับปรุงพัฒนาทักษะการดูแล ผู้ป่วยภายในหน่วยงานเป็นทีมอย่างต่อเนื่องทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นแต่ต้องมีการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ มีAtypical angina painในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง ผู้ป่วยสูบบุหรี่ และพัฒนาเครือข่ายระบบการส่งต่ออย่างเหมาะสมต่อไป
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
วารสารนี้เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลมหาสารคาม