ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่อง

บทคัดย่อ

          โรคไตวายเรื้อรังเป็นโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การให้บริการล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่องสามารถทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่องพบได้บ่อยและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยต้องหยุดการรักษาหรือเปลี่ยนไปรักษาด้วยวิธีอื่น

          วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่องในโรงพยาบาลมุกดาหาร

          วิธีการศึกษา : การศึกษานี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวิจัยในมนุษย์ของจังหวัดมุกดาหารเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เปรียบเทียบใช้สถิติ  Chi square และ Independent t-test วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงใช้สถิติ Multiple logic regression เก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการรักษาที่คลินิกไตเทียมโรงพยาบาลมุกดาหาร ระหว่างวันที่1ตุลาคม 2551-30 กันยายน 2553

          รูปแบบการศึกษา : การศึกษาแบบย้อนหลังเชิงวิเคราะห์ (Retrospective analytic study)

          ผลการศึกษา : จากการศึกษารวบรวมกลุ่มตัวอย่างได้ทั้งสิ้นจำนวน 50 คน ผลการศึกษาพบว่าระยะเวลาติดตามการรักษาทั้งสิ้น 545 เดือน หรือ 10.9 เดือนต่อคน ระยะเวลาการเกิดการติดเชื้อ 21.0เดือนต่อคนต่อครั้ง หรือ 0.57ครั้งต่อคนต่อปี สามารถเพาะเชื้อขึ้นร้อยละ 37.0 เชื้อที่พบมากที่สุดคือ E.coli ร้อยละ 40.0 กลุ่มตัวอย่างเสียชีวิตร้อยละ22 ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อร้อยละ 45.5 จากการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์พบว่า การเพิ่มระดับอัลบลูมิน (OR  0.011, 95%CI  0.000, 0.311) และระดับ ฮีโมโกลบิน(OR  0.157, 95% CI 0.035, 0.705) เป็นปัจจัยป้องกันการเกิดการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องและพบว่าปัจจัยอื่นๆเช่น เพศชาย การมีอาการท้องผูก ดัชนีมวลกาย ครีเอตินิน  โคเลสเตอรอล ไตรไกลเซอร์ไรด์ แคลเซียม ฟอสเฟต ประสิทธิภาพในการขจัดของเสีย ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่อง

          สรุปผลการศึกษา : จากการศึกษาพบว่าอัตราการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐานคำแนะนำที่กำหนดไว้ในปี พ.ศ. 2553 แต่ผลการเพาะเชื้อขึ้นยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำและพบว่า การเพิ่มขึ้นของระดับอัลบลูมินและระดับฮีโมโกลบิน เป็นปัจจัยป้องกันการเกิดการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่องได้