การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ที่มีภาวะปอดอักเสบ

ผู้แต่ง

  • สุคนธ์ทิพย์ ปัตติทานัง โรงพยาบาลมหาสารคาม
  • ดวงแก้ว ศรีเคน โรงพยาบาลมหาสารคาม
  • ศิริขวัญ ทิพสีลาด โรงพยาบาลมหาสารคาม
  • อนุชา ไทยวงษ์ วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ปาริชาติ วันชูเสริม วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

ภาวะปอดอักเสบ, ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019, แนวปฏิบัติทางการพยาบาล

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์วิจัย : เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์พัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลและประเมินผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ที่มีภาวะปอดอักเสบ

รูปแบบและวิธีวิจัย : วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบลงมือปฏิบัติร่วมกัน ผู้มีส่วนร่วมวิจัย คือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงาน ณ หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม จำนวน 17 คน ระหว่างเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึงเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2565 ดำเนินการเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 1. วิเคราะห์สถานการณ์ 2. พัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาล และ 3. ประเมินผล เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบบันทึกการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 แบบบันทึกการเกิดภาวะปอดอักเสบและการเสียชีวิต แบบประเมินความพึงพอใจต่อแนวการปฏิบัติการพยาบาล และแนวคำถามในการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการศึกษา : ระยะวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่าผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 มีอัตราการเกิดภาวะปอดอักเสบค่อนข้างสูง บางรายมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต และแนวปฏิบัติปฏิบัติการพยาบาลที่ใช้ยังไม่ชัดเจนและครอบคลุมในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ระยะพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาล ใช้กระบวนการพัฒนา 2 วงจรคุณภาพประกอบด้วย 4 หมวดกิจกรรม (M-S-K-H) ได้แก่ 1. การดูแลช่องปากและการรับประทานอาหาร2. การบำบัดเฉพาะ 3. การเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง  และ 4. การดูแลสุขวิทยาและการให้ความรู้ ระยะประเมินผล  ผลการพัฒนาด้านผลลัพธ์ทางคลินิก พบว่า มีอัตราการเกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรงลดลง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ  0.97, 1.03 และ 0.62 ตามลำดับ มีอัตราการเสียชีวิตลดลง คิดเป็นร้อยละ 4.85, 4.12 และ 1.85 ตามลำดับ ผลการพัฒนาด้านกระบวนการ พบว่า พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 100 พยาบาลวิชาชีพตามแนวปฏิบัติการพยาบาลครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 80 (การดูแลช่องปากและการรับประทานอาหาร คิดเป็นร้อยละ 83.29 การบำบัดเฉพาะ คิดเป็นร้อยละ 88.57 การเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง คิดเป็นร้อยละ 93.65 และ การดูแลสุขวิทยาและการให้ความรู้ คิดเป็นร้อยละ  95.76) และมีความพึงพอใจต่อแนวปฏิบัติการพยาบาลในระดับดีขึ้นไป ร้อยละ 92.52

สรุปผลการศึกษา : ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ที่มีภาวะปอดอักเสบที่พัฒนาขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน

References

Rajnik M, Cascella M, Cuomo A, Dulebohn SC, Di Napoli R. Features, evaluation, and treatment of coronavirus (COVID-19). Uniformed Services University Of The Health Sciences; 2021.

Aziz M, Fatima R, Assaly R. Elevated interleukin-6 and severe COVID-19: A meta- analysis. J Med Virol. 2020;92(11):2283-5.

Tzotzos SJ, Fischer B, Fischer H, Zeitlinger M. Incidence of ARDS and outcomes in hospitalized patients with COVID-19: a global literature survey. Crit Care. 2020;24(1):516.

Brogna B, Bignardi E, Brogna C, Capasso C, Gagliardi G, Martino A, et al. COVID-19 Pneumonia in Vaccinated Population: A Six Clinical and Radiological Case Series. Medicina (Kaunas). 2021;57(9):891.

Oliver-Commey JA, Puplampu P, Owoo C, Asare-Boateng K, Yawson AO, Tetteh J, et al. Prevalence of pneumonia by chest x-ray, associated demographic characteristics and health risk factors among COVID-19 patients in Ghana. Ghana medical journal. 2021;55(2):21-8.

Pongpirul WA, Wiboonchutikul S, Charoenpong L, Panitantum N, Vachiraphan A, Uttayamakul S, et al. Clinical course and potential predictive factors for pneumonia of adult patients with Coronavirus Disease 2019 (COVID-19): A retrospective observational analysis of 193 confirmed cases in Thailand. PLoS neglected tropical diseases. 2020;14(10):e0008806.

Nuevo-Ortega P, Reina-Artacho C, Dominguez-Moreno F, Becerra-Muñoz VM, Ruiz-Del-Fresno L, Estecha-Foncea MA. Prognosis of COVID-19 pneumonia can be early predicted combining Age-adjusted Charlson Comorbidity Index, CRB score and baseline oxygen saturation. Scientific reports. 2022;12(1):1-12.

หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม. รายงานสรุปตัวชี้วัด เกณฑ์ และผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วย หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม ประจำปี 2564. มหาสารคาม, โรงพยาบาลมหาสารคาม; 2564.

ศิริวรรณ ชูกำเนิด, กฤติกา อินทรณรงค์, สาวิตรี วงศ์ประดิษฐ์. สมรถนะทีจำเป็นของพยาบาลวิชาชีพด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิค-19:การทบทวนวรรณกรรมแบบกำหนดขอบเขต. วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ. 2565;23(3):71-86

ณยฎา ธนิกจธรรมกุล. การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 19 ในระยะที่มีภาวะหายใจลำบากเฉียบพลัน. วารสารสภาการพยาบาล. 2564;36(3):16-30

สุนันทา ทองสาร. กรณีศึกษา:การพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่มีระบบหายใจล้มเหลว แบบเฉียบพลัน โรงพยาบาลกาฬสินธุ์;กรณีศึกษา 2 ราย. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา.2565;7(1):108-119

Soukup S. M. The center for advanced nursing practie evidenced based practice mobel. Nursing Clinic of North America 2000; 35(2):301-9

Kemmis s, Mctaggart R. The Action Research Planer 3rd ed. Victoria: Deakin University; 1988.

เบญจมาศ ทำเจริญตระกูล, ดลวิวัฒน์ แสนโสม. ผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยแผนกอายุรกรรม. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรม ราชชนนีนครราชสีมา. 2562;25(1):25-42.

อัลจนา ไชยวงศ์, มาลีวรรณ เกษตรทัต, อุษณีย์ นากุ, สุรสิทธิ์ จีสันติ. การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อการป้องกันปอดอักเสบในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจหอผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลลำพูน. วารสารสาธารณสุขล้านนา. 2557;10(3):183-93.

วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, นพกมล ประจงทัศน์. แนวทางป้องกันปอดอักเสบในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ (VAP): การทบทวนเนื้อหาจากงานวิจัย วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุขภาคใต้. 2565;9(2):269-78.

SM S. Evidence-based Practice Model Promoting the Scholarship of Practice. Philadelphia WB Saunders; 2000.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2023-08-17