พฤติกรรมการติดสื่อสังคมออนไลน์ของนักเรียนโรงเรียนสารคามพิทยาคม

ผู้แต่ง

  • เจตณ์บดินทร์ วรเศยานนท์ โรงเรียนสารคามพิทยาคม
  • ชนิสรา แสนยบุตร วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • เอมอร อาจปรุ โรงพยาบาลมหาสารคาม

คำสำคัญ:

การติดสื่อสังคมออนไลน์, นักเรียนมัธยม, มหาสารคาม, โรงเรียนสารคามพิทยาคม, สื่อสังคมออนไลน์

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อสำรวจพฤติกรรมการติดสื่อออนไลน์ของนักเรียนโรงเรียนสารคามพิทยาคม

รูปแบบและวิธีวิจัย : การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง โดยเก็บข้อมูลจากนักเรียน โรงเรียนสารคามพิทยาคม ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง พฤศจิกายน 2567 โดยเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย คือ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป รูปแบบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และแบบทดสอบการติดสื่อสังคมออนไลน์ (Social media addiction test; SMAT) ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่สร้างขึ้นโดย รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล และ คณะภาค วิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (2556)

ผลการศึกษา : กลุ่มตัวอย่างจำนวน 302 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 208 คน (ร้อยละ 68.9) ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 152 คน (ร้อยละ 50.3) มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 150 คน (ร้อยละ 49.7) โดยพบจำนวนผู้ที่มีพฤติกรรมการติดสื่อสังคมออนไลน์อยู่ที่ 213 ราย (ร้อยละ 70.5) โดยมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่กลุ่มตัวอย่างใช้มากที่สุด ได้แก่ เฟซบุ๊ก (Facebook) จำนวน 289 คน (ร้อยละ 59.4) สื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้บ่อยที่สุดพบว่า อินสตาแกรม (Instagram) เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่กลุ่มตัวอย่างใช้บ่อยที่สุด จำนวน 167 คน (ร้อยละ 33.3) ช่องทางในการใช้สื่อสังคมออนไลน์พบว่า กลุ่มตัวอย่างใช้ สมาร์ตโฟน (Smartphone) ในการเข้าใช้มากที่สุด จำนวน 257 คน (ร้อยละ 51.2) ความถี่ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ 5 ครั้งขึ้นไป/วัน จำนวน 232 คน (ร้อยละ 76.8)  ระยะเวลาในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ มีระยะเวลาในการใช้ 6 ชั่วโมงขึ้นไป/วัน จำนวน 166 คน (ร้อยละ 55.0) วัตถุประสงค์หลักในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่มากที่สุดคือ การพูดคุยกับเพื่อน จำนวน 95 คน (ร้อยละ 31.5) และน้อยที่สุด คือ การโพสต์ข้อความ/รูปภาพ จำนวน 9 คน (ร้อยละ 3.0)

สรุปผลการศึกษา : การใช้สื่อออนไลน์มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการติดสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงมัธยมศึกษาทั้งตอนต้นและตอนปลายที่พบว่ามีพฤติกรรมการติดสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ซึ่งหากมีการนำไปใช้อย่างเหมาะสมและระมัดระวังก็จะเกิดประโยชน์แต่หากมีการเสพติดมากจนเกินไปก็จะส่งผลกระทบทางลบต่อทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของนักเรียนได้

References

กันยา พาณิชย์ศิริ, เบญจพร ตันตสูติ. การติดสื่อสังคมออนไลน์และภาวะสมาธิสั้นของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนปลายในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 2559;61(3):191–204.

ศักดิกร สุวรรณเจริญ, สุพัตรา ธรรมาอินทร์, สุวัฒนา เกิดม่วง, อังค์ริสา พินิจจันทร์, พรเลิศ ชุมชัย. พฤติกรรมและ ผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟนของนักเรียนมัธยมศึกษา ตอนปลายจังหวัดนนทบุรี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 2562;29(3):107-17.

เสาวภาคย์ แหลมเพ็ชร. พฤติกรรมและผลกระทบจากการใช้เครือข่าย สังคมออนไลน์ของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดนนทบุรี. สุทธิปริทัศน์. 2559; 30(93):116-130.

ปทิตตา ทองเจือพงษ์. ปัจจัยและผลกระทบของการเสพติดสมาร์ทโฟนต่อประสิทธิภาพการทำงานโรคกลัวไม่มีสมาร์ทโฟนใช้และความขัดแย้งกับผู้อื่น. [ม.ป.ท.]: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2557.

ณิฌานันท์ สุคนธมาลี, สุวัฒนา เกิดม่วง, ศักดิกร สุวรรณเจริญ, ชุติกาญจน์ ฉัตรรุ่ง, ทิพวรรณ ตังวงศ์กิจ. การติดเกมและปัจจัยทีมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพ ของนักเรียนมัธยมศึกษา ตอนต้น ในโรงเรียนคัดสรรจังหวัดนนทบุรี. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2562; 7(1): 69-87.

กันยา พาณิชย์ศิริ และเบญจพร ตันตสูติ. การเสพติดสื่อสังคมออนไลน์และภาวะสมาธิสั้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 2559; 61(3):91-204.

รัสรินทร์ ว่องสวสัสดิ์, ธีระ กุลสวัสดิ์. ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีในภาคตะวันออก: ศึกษากรณี การใช้เฟสบุ๊ค. วารสารการเมืองการบริหาร และกฎหมาย. 2564;13(2):320-37.

พาวาตี วามาร์, อุรีย์ เจี่ยสกุล. ผลกระทบของการติดเกมและการติดอินเตอร์เน็ตที่มีต่อภาวะซึมเศร้าความวิตกกังวล และความเครียดของนักศึกษาที่มีระดับการควบคุมตัวเองและการสนับสนุนทางสังคมที่แตกต่าง. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ. 2559;5(2):45–57.

นิภาพร อภิสิทธิวาสนา, เจียมใจ ศรีชัยรัตนกูล, มณีรัตน์ เทียมหมอก. สถานการณ์การติดเกม และปัจจัยที่มีผลต่อการติดเกมในเด็กนักเรียน ระดับประถมศึกษา : เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครปฐม เขต 2. 2564;37(3):254-66.

ชาญวิทย์ พรนภดล, ศิริสุดา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา, ชดาพิมพ์ เผ่าสวัสดิ์, ตวงพร สุรพงษ์พิวัฒนะ. การพัฒนาแบบวัดภูมิคุ้มกันการติดเกม. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 2560;62(1):3-16.

ผกาวรรณ นันทะเสน, อัจศรา ประเสริฐสิน. พฤติกรรมการติดอินเทอร์เน็ตกับภาวะซึมเศร้า : เหตุ ปัจจัยและแนวทางการป้องกันแก้ไข. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. 2563;36(3):293-304.

นิยม จันทร์นวล, ปวีณา ลิมปีทีปราการ, สุทาพร ปินะกาพัง. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น อำาเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม. สรรพสิทธิเวชสาร. 2556;34(1-3):1–12

เอมิกา เหมมินทร์. [อินเทอร์เน็ต] 2556. พฤติกรรมการใช้และความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่ได้จากการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร. [เข้าถึงเมื่อ 18 ตุลาคม 2567] เข้าถึงได้จาก: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/519.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-12-24

How to Cite

วรเศยานนท์ เ. ., แสนยบุตร ช., & อาจปรุ เ. . (2024). พฤติกรรมการติดสื่อสังคมออนไลน์ของนักเรียนโรงเรียนสารคามพิทยาคม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 21(3), 207–215. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/272672