ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด19 กับ ความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608

ผู้แต่ง

  • เกตุนรินทร์ บุญคล้าย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • วรรณชาติ ตาเลิศ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์
  • กนกวรรณ เวทศิลป์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • อนุศร การะเกษ โรงพยาบาลราษีไศล
  • กรรณิกา เพ็ชรักษ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ปนัดดา โพธิ์พุ่ม วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ชวนชม พืชพันธ์ไพศาล วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • สุกิจ ทองพิลา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ปิยะพร พรหมแก้ว วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

การรับรู้ความเสี่ยง, ความตั้งใจฉีดวัคซีน, กลุ่มเสี่ยง 608, โควิด 19

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 และความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608

รูปแบบและวิธีการ : การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายหาความสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 2) แบบสอบถามการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 ของกลุ่มเสี่ยง 608 และ 3) แบบวัดความตั้งใจการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสะดวกตามคุณสมบัติที่กำหนด จำนวน 574 ราย แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลราษีไศล เก็บข้อมูลระหว่างเดือนตุลาคม 2566 – มีนาคม 2567 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติสหสัมพันธ์ กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01

ผลการศึกษา : กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 อยู่ในระดับปานกลาง (x̄=14.62, SD=3.54) ความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608 อยู่ในระดับต่ำ (x̄=4.62, SD=3.31) โดยการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.54, p-value<0.01)

สรุปผลการศึกษา : การรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608 สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลแนวทางส่งเสริมการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด 19 และความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด 19  เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608 ที่มีปัญหาทางสุขภาพร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง ควรมีการรณรงค์กระตุ้น สร้างความตระหนักให้กลุ่มเสี่ยง 608 นี้ได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้ลดความรุนแรงของการดำเนินโรคและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Coronavirus disease 2019 (COVID-19) Situation Report – 71. Geneva: World Health Organization; 2020.

ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563. เล่ม 137 ตอนพิเศษ 48 ง 29 กุมภาพันธ์ 2563; 2563.

นภชา สิงห์วีรธรรม, เพ็ญนภา ศรีหริ่ง, อรนุช ทองจันดี, วุฒิกุล ธนากาญจนภักดี, อัจฉรา ค ามะทิตย์, กิตติพร เนาว์สุวรรณ. ปัจจัยที่มีผลต่อความเต็มใจยอมรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรณีเข็มที่ 1 และ กรณีกระตุ้นซ้ำ (เข็ม 2 ขึ้นไป) 3) ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2565.

ธนสรณ์ ศรีใช้ประวัติ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดนนทบุรี. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 2566;19(1):47–60.

Chaolin H, Yeming W, Xingwang L, Lili R, Jianping Z, YI H, et al. Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China.The Lancet 2020;359(10223):497-506.

Kumari A, Ranjan P, Chopra S, Kaur D, Kaur T, Kalanidhi KB, et al. What Indians think of the COVID-19 vaccine: a qualitative study comprising focus group discussions and thematic analysis. Diabetes Metab Syndr 2021;15(3):679–82.

Sherman SM, Smith LE, Sim J, Amlôt R, Cutts M, Dasch H, et al. COVID-19 vaccination intention in the UK: results from the COVID-19 Vaccination Acceptability Study (CoVAccS), a nationally representative cross-sectional survey. Hum Vaccin Immunother 2021;17(6):1612–21.

Sonawane K, Catherine L. Troisi LC, Deshmukh AA. COVID-19 vaccination in the UK: Addressing vaccine hesitancy. The Lancet Regional Health – Europe 2021; 1( 100016)

Robinson E, Jones A, Daly M. International estimates of intended uptake and refusal of COVID-19 vaccines: a rapid systematic review and meta-analysis of large nationally representative samples. Vaccine 2021;39(15):2024–34.

Troiano G, Nardi A. Vaccine hesitancy in the era of COVID-19. Public Health 2021;194:245–65.

สมชาย ภานุมาสวิวัฒน์, อนุศร การะเกษ, วรรณชาติ ตาเลิศ, เกตุนรินทร์ บุญคล้าย, กรรณิกา เพ็ชรักษ์. ความรอบรู้ด้านวัคซีนโควิด 19 กับความตั้งใจการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป. วารสารวิชาการ-สาธารณสุข 2565;31(ฉบับเพิ่มเติม 1):S3-14.

Rogers, R. W, Prentice-Dunn S, & Witte K. Protection motivation theory. In Health behavior: Theory, research, and practice (6th ed.). Jossey-Bass. (2022)

Shekhar R, Sheikh A, Upadhyay S, Singh M, et al. COVID-19 vaccine acceptance among health care workers in the United States. Vaccines (Basel) 2021;9(2):119.

ปรียนุช ชัยกองเกียรติ, ซัมซูดีน เจะเฮาะ, กมลวรรณ สุวรรณ, เปรมฤดี ดํารักษ์. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นของผู้สูงอายุ. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2566;10(3):e258580.

ไมลา อิสสระสงคราม. ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการป้องกันโรคโควิด 19 กับการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน โรค-โควิด 19 ของผู้สูงอายุ. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10. 2564;19(2):56-67.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-25

รูปแบบการอ้างอิง

บุญคล้าย เ. ., ตาเลิศ ว., เวทศิลป์ ก. ., การะเกษ อ. ., เพ็ชรักษ์ ก. ., โพธิ์พุ่ม ป. ., พืชพันธ์ไพศาล ช. ., ทองพิลา ส. ., & พรหมแก้ว ป. . (2025). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดโรคโควิด19 กับ ความตั้งใจฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้นของกลุ่มเสี่ยง 608. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 22(2), 58–69. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/273639

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย