ความรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และผลการควบคุมโรคของเด็ก โรคหืดวัยเรียนด้วยการพยาบาลระบบสนับสนุน และให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ เพื่อศึกษาความรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และผลการควบคุมโรคของเด็กโรคหืดวัยเรียนด้วยการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กโรคหืดวัยเรียน อายุ 6-12 ปี ที่มารับการตรวจรักษาในคลินิกโรคหืดแบบง่าย กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาสารคามครั้งแรก ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554- กันยายน พ.ศ. 2555 จำนวน 40 ราย สุ่มอย่างง่ายโดยการจับสลากเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 ราย กลุ่มทดลองได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุน และให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ การพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบวัดความรู้ แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการดูแลตนเอง และแบบประเมินผลการควบคุมโรคหืด วิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบที
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง และค่ะเฉลี่ยคะแนนผลการควบคุมโรค หลังการทดลอง ดีกว่า ก่อนการทดลอง และมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง และค่าเฉลี่ยคะแนนผลการควบคุมโรค ดีกว่า กลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (p<.001) ภายหลังการทดลอง
การอภิปรายและสรุปผลการวิจัย ผลของการวิจัยแสดงการใช้การพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มช่วยให้ผู้ป่วยมีความรู้ที่ถูกต้องเรื่องโรค มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น และมีผลการควบคุมโรคดีขึ้น ดังนั้นจึงควรนำการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ตามกรอบทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มไปปรับใช้ในผู้ป่วยโรคหืดแต่ละรายต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Boonsawat W, Charoenphan P, Kaiboonsri S. Prevalence of asthma symptoms in adult 4 Cities of Thailand. Joint scientific meeting the thoracic Society of Thailand, the Malaysia Thoracic Society and the Singapore Thoracic Society. Bangkok, Thailand; 2002: 112.
Rabe KF, Adachi M, Lai CK, et al: Worldwide severity and control of asthma in children and adults: the global asthma insights and reality surveys. J Allergy Clin Immunol 2004, 114:40–47.
Moorman JE, Akinbami LJ, Bailey CM, et al. National Surveillance of Asthma: United States, 2001–2010. National Center for Health Statistics. Vital Health Stat 3(35). 2012.
Kuroiwa C, Odajima H, Oudavong B, et al. prevalence of asthma, rhinitis, and eczema among children in Vientiane City , Lao PDR. The Southeast Asian Journal of Tropical Medicine and Public Health. 2006; 37: 1025-33.
Teeratakulpisan J, Pairojkul S, Heng S. Survey of the prevalence of asthma, allergic rhinitis and eczema in school children from Khon Kaen, Northeast Thailand. (An ISAAC study. International study of Asthma and Allergies in Childhood.) Asian Pac J Allergy Immunol 2000; 18:187-94.
Global initiative for asthma. Global strategy for asthma management and prevention NHLB/ WHO workshop report, 1995.
ประเสริฐ ทองเจริญ. แนวทางการรักษาโรคหืดสำหรับผู้ใหญ่. แพทยสภาสาร. 2538; 17-29.
Global initiative for asthma. Global strategy for asthma management and prevention NHLB/ WHO workshop report, 2010.
Paul M. O’Byrne. Global guidelines for asthma management Summary of the current status and future challenges. Polskie archiwum medycyny wewnĘtrznej. 2010; 120 (12)
คณะกรรมการปรับปรุงแนวทางการวินิจฉัยและการรักษาโรคหืด พ.ศ. 2551. แนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข: การดูแลผู้ป่วยโรคหืด พ.ศ. 2551. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท ศรเมืองการพิมพ์ จำกัด, 56-99.
Boonsawat W, Charoenphan P, Kiaboonsri S, et al. Survey of asthma control in Thailand. Respirology 2004; 9: 373-8.
Adams RJ, Fuhlbrigge A, Guilbert T, Lazeno P, Martinaz F. Inadequate use asthma medication in the United States: result of the asthma in America national population suevey. J Allergy Clin Immunol 2002; 110: 58-64.
Rabe KF, Vermeire PA, Soriano JB, Maier WC. Clinical management of asthma in 1999: The Asthma Insights and Reality in Europe (AIRE) study. Eur Respir J 2000; 16: 802-7.
Orem D. E. Nursing: Concepts of practice. 6th ed. St. Louis: Mosby; 2001.
Berbiglia V. Self- Care, Dependent- Care & Nursing. The Official Journal of the International Orem Society. 2008; 16: 8-55.
Taylor SG & Renpenning K. Self- Care Science, Nursing Theory, and Evidence- Based Practice. Springer Publishing Company, 2011.
สุกัญญา เกียรติฐินินันท์. (2548). ผลของระบบการพยาบาลสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและการควบคุมโรคหอบหืดในเด็กวัยเรียน. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาการพยาบาลเด็ก บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ธกมล คงอิ่ม. (2551). ผลของโปรแกรมการสอนต่อความรู้และพฤติกรรมของมารดาในการป้องกันการเกิดโรคหืดในเด็กที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหืด. สาขาการพยาบาลเด็ก บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ธิดา แก้วเหลา. (2551). ผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมมารดาในการดูแลและภาวะความรุนแรงของโรคหืดในเด็กเล็ก. สาขาการพยาบาลเด็ก บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
วารสารนี้เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลมหาสารคาม