ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์

ผู้แต่ง

  • สุภาภัค สิงห์เสนา
  • เบญจา มุกตพันธุ์

คำสำคัญ:

ปริมาณไอโอดีน, หญิงตั้งครรภ์

บทคัดย่อ

การขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ จึงต้องการที่จะศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์

วิธีการศึกษา : การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ หญิงตั้งครรภ์ที่ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์และโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น จำนวน 184 ราย ข้อมูลกลุ่มตัวอย่างคือ ความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับสารไอโอดีนโดยใช้แบบสอบถามแบบมีโครง สร้าง ประเมินปริมาณไอโอดีนที่ได้รับจากการบริโภคอาหาร ใช้แบบสอบถามความถี่การบริโภคอาหารกึ่งปริมาณ เก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อส่งวิเคราะห์ความเข้มข้นของไอโอดีนในปัสสาวะ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ (<150 µg/L) และปัจจัยที่มีผลต่อระดับสารไอโอดีนที่ได้รับจากการบริโภคอาหาร (<200 μg /วัน) โดยใช้สถิติวิเคราะห์ถดถอยพหุ ลอจีสติก (Multiple Logistic Regression)   

ผลการศึกษา : กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 26.3 ± 6.6 ปี ระดับการศึกษา คือปริญญาตรีหรือสูงกว่า ร้อยละ 25.5 มัธยฐาน รายได้ของครอบครัว 15,000 บาท/เดือน คิดเป็น ร้อยละ 45 มีความรู้เกี่ยวกับสารไอโอดีน ในระดับต่ำ และร้อยละ 70  มีความเชื่อเกี่ยวกับสารไอโอดีนในระดับปานกลาง กลุ่มที่ได้รับสารไอโอดีนจากการบริโภคอาหารมีค่ามัธยฐาน 185 ไมโครกรัม/วัน โดย ร้อยละ 58 ของกลุ่มตัวอย่างได้รับไอโอดีนน้อยกว่า 200 μg /วัน เมื่อพิจารณาตามข้อแนะนำปริมาณไอโอดีนที่ควรได้รับขององค์การอนามัยโลกพบกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 75 ได้รับไอโอดีนน้อยกว่า 250 μg /วัน ความเข้มข้นของไอโอดีนในปัสสาวะมีค่ามัธยฐาน 127.5 μg/L โดยมีกลุ่มตัวอย่างถึง ร้อยละ 59.2 มีความเข้มข้นของไอโอดีนในปัสสาวะต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ(<150 µg/L)  เมื่อวิเคราะห์ถดถอยพหุลอจิสติก พบว่า ไม่มีปัจจัยใดมีผลต่อความเข้มข้นของไอโอดีนในปัสสาวะ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณไอโอดีนที่ได้จากอาหารพบว่า รายได้มีความสัมพันธ์กับปริมาณไอโอดีนที่ได้รับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR = 2.05, 95% CI = 1.03 - 4.03) โดยสรุป การขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ที่ศึกษามีความชุกสูง หญิงตั้งครรภ์บริโภคอาหารที่มีไอโอดีนน้อย และยังขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับไอโอดีน ดังนั้นการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และควรเน้นในหญิงตั้งครรภ์ที่มีรายได้น้อย

เอกสารอ้างอิง

Hetzel B.S. Eliminating iodine deficiency disorders--the role of the International Council in the global partnership. Bull World Health Organ 2002; 80(5): 410–417.

Zimmermann M.B., Jooste P.L. and Pandav C.S. Iodine-deficiency disorders. TheLancet. 2008 ;372(9645) : 1251-1262.

World Health Organization. Iodine status worldwide. Geneva: Department of Nutrition for Health and Development World Health Organization ; 2004.

ลักษณา ไชยมงคล. เกณฑ์ตัดสินปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะเพื่อประเมินภาวะไอโอดีนใประชากรเหมาะสำหรับหญิงมีครรภ์หรือไม่. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา 2551; 3(2) : 119-130.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน. กรุงเทพมหานคร; ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2554.

กันติกา ธนะขว้าง. พฤติกรรมการป้องกันภาวะขาดสารไอโอดีนของหญิงตั้งครรภ์ และระดับ Thyroid Stimulating Hormone(TSH) ในเลือดของทารกแรกเกิด ในจังหวัดน่าน. วารสารส่งเสริมสุขภาพ ; 2548. 2(3-4):19-18.

Larpsombatsiri K. Factors related to urinary iodine concentration of pregnant women in thailand. Journal Health Research. 2009 ; 23(suppl) : 81-85.

ไพรวัลย์ กาลจักร. ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดยโสธร. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการเจริญพันธุ์และวางแผนประชากร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล;2541.

บุญหวาย ประทุมรัตน์. ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตนในการป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนของหญิง ตั้งครรภ์ในอำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสาธารณสุข] ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2554.

Sukchan P, LiabsuetraKul T, Chongsuvivatwong V, Songwathana P, Sornsrivichai P and Kuning M. Inadequacy of nutrients intake among pregnant women in the deep south of Thailand. BMC Public Health;2010. 10 (572).

Jooste P., Upson N. and Charlton KE. (2005). Knowledge of iodine nutrition in the South African adult Population. Public Health Nutrition ; 2005. 8 (4), 382-386.

ปรีชา วงศ์ทิพย์.ความรู้ พฤติกรรมการป้องกันและความชุกของโรคขาดสารไอโอดีนของชาวไทยเผ่าม้ง บ้านขุนวาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่[วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตร- มหาบัณฑิต] เชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2540.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-03-18

รูปแบบการอ้างอิง

สิงห์เสนา ส. ., & มุกตพันธุ์ เ. (2025). ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 12(3), 161–172. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/274283

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย