ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคปริทันต์ของอาสาสมัครสาธารณสุขในอำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย

ผู้แต่ง

  • สุปรีชา โกษารักษ์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอภูหลวง จังหวัดเลย
  • จุฬาภรณ์ โสตะ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

โปรแกรมทันตสุขศึกษา, ส่งเสริมพฤติกรรม, การป้องกันโรคปริทันต์, อาสาสมัครสาธารณสุข

บทคัดย่อ

           การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง  มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคปริทันต์ของอาสาสมัครสาธารณสุขในอำเภอเอราวัณ  จังหวัดเลย  กลุ่มตัวอย่างจำนวน  120 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 60 คน และกลุ่มเปรียบเทียบ 60 คน มีระยะเวลาในการทดลอง 12 สัปดาห์  มีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม  และเฉพาะกลุ่มทดลองหลังการทดลองจะมีการสัมภาษณ์ข้อมูลเรื่องการนำความรู้ไปเผยแพร่ในชุมชนด้วย  การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปใช้สถิติเชิงพรรณนา  ได้แก่  ความถี่  ร้อยละ  ค่าเฉลี่ย  และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ส่วนการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนด้วยสถิติ  Paired  Sample  t-test  และ  Independent Sample t-test  สำหรับสื่อทันตสุขศึกษาเป็นสื่อกลางของการเรียนรู้  กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมทันตสุขศึกษาประกอบด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองจากสื่อ  การจัดกิจกรรมกลุ่มการสาธิตและฝึกปฏิบัติการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี  โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรคร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมจากกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขและผู้วิจัย  ผลการศึกษาพบว่า  ภายหลังการทดลองกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยของด้านความรู้โรคปริทันต์  การรับรู้ความรุนแรงต่อการเกิดโรคปริทันต์  การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคปริทันต์  ความคาดหวังในความสามารถของตนเองในการป้องกันโรคปริทันต์  ความคาดหวังในประสิทธิผลของการตอบสนองต่อการป้องกันโรคปริทันต์  และการปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคปริทันต์สูงกว่าก่อนการทดลองและสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  (p-value < 0.001)  คะแนนเฉลี่ยของปริมาณคราบจุลินทรีย์และสภาวะปริทันต์ในกลุ่มทดลองลดลงกว่าก่อนการทดลองและลดลงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001)และหลังจากการทดลองพบว่ากลุ่มทดลองมีการนำความรู้เรื่องการป้องกันโรคปริทันต์ไปเผยแพร่ให้แก่ประชาชนในชุมชน

References

1. กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลเอราวัณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย.รายงานผลการปฏิบัติงานทันตสาธารณสุข อำเภอเอราวัณ ปี 2559. จังหวัดเลย;2559.

2. Roger. A Protection Motivation theory of Fear Appeals and Attitude Change. Journal of Psychology 1975;91(Supply):93-114.

3. House, J.S. The Association of Social Relationship and activities with mortality:Community health study. American Journal Epidemiology 1981;3(7):25-30.

4. Quigley G., & Hein J.W. Comparative Cleansing Efficacy of Manual and Power Brushing. Journal of American Dentistry Association 1962;1(2):101-105.

5.คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.คู่มือและแนวทางการให้การรักษาผู้ป่วยทันตกรรมพร้อมมูล สำหรับนักศึกษาทันตแพทย์ชั้นปีที่ 6 ที่ฝึกปฏิบัติงานในคลินิกทันตกรรมพร้อมมูล ประจำปีการศึกษา 2559 ภาควิชาทันตกรรมครอบครัวและชุมชน.[ออนไลน์] 2559 [อ้างเมื่อ 20 กรกฎาคม 2559] จากwww.dent.cmu.ac.th/web/relate.php?nid=1607.

6. วีรยุทธ พลท้าวและพรรณี บัญชรหัตถกิจ.ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาร่วมกับการใช้สื่อประสมช่วยประสมช่วยสอนเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบในนักเรียน ระดับประถมศึกษาอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารทันตาภิบาล2557;25(2):75-88.

7. เยาวดี มาพูนธนะ และรุจิรา ดวงสงค์. ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรคร่วมกับแรง
สนับสนุนทางสังคมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น(ฉบับบัณฑิตศึกษา)2554;11(4):77-88.

8. วนิดา โพธิ์เงิน. การประยุกต์ใช้แรงจูงใจเพื่อป้องกันโรคร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการป้องกันโรคปริทันต์สตรีวัยทำงาน 35-44 ปี อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ2553;3(1):34-39.

9. จุฬาภรณ์โสตะ. แนวคิด ทฤษฎี และการประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ.ขอนแก่น: ภาควิชาสุขศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น;2557.

10.สมบูรณ์ พันธุ์บุตร. ประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้แรงจูงใจเพื่อการป้องกันโรคร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานในเขตตำบลไร่ขี อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ.วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่72557;12(4):40-51.

11.กิตติศักดิ์ มูลละ และพรรณี บัญชรหัตถกิจ. ผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการพัฒนาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเพื่อการป้องกันโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู.วารสารทันตาภิบาล 2555;23(1):42-50.

12.วสุนธรี ขันธรรม, ปิยะนารถ จาติเกตุ และอุบลวรรณ ธีระพิบูลย์. ประสิทธิผลของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ใช้ชุดดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับการเยี่ยมบ้านในเด็กอายุ 0-2 ปี. วารสารเชียงใหม่ทันตสาร2557;35(1):119-130.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2017-10-24

ฉบับ

บท

บทความวิจัย (Research article)