การพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้านในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้
DOI:
https://doi.org/10.60099/jtnmc.v38i04.265506คำสำคัญ:
การวัดความดันโลหิตที่บ้าน , โรคความดันโลหิตสูง , การจัดการตนเอง , การพัฒนารูปแบบบทคัดย่อ
บทนำ โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ความพิการและเสียชีวิต การส่งเสริมให้ผู้ป่วยจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้านเป็น แนวทางหนึ่งในการควบคุมความดันโลหิตได้อย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อพัฒนาและศึกษาผลของการใช้รูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัด ความดันโลหิตที่บ้านในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้
การออกแบบวิจัย การศึกษานี้เป็นการวิจัยและพัฒนา
วิธีดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้าน ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ของโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดทางภาคกลาง การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะได้แก่ 1) ระยะการวิเคราะห์ปัญหาจากการใช้ แนวทางการดูแลแบบเดิม 2) ระยะการพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิต ที่บ้าน 3) ระยะการนำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยและประเมินผล และ 4) ระยะการปรับ รูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้าน เก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563 ถึง เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การทดสอบทีแบบคู่
ผลการวิจัย รูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้านประกอบด้วย การให้ความรู้ เรื่องโรคความดันโลหิตสูงและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสม การจัดการตนเองในการรับประทานยา การ รับประทานอาหาร กิจกรรมทางกาย การใช้เครื่องวัดความดันโลหิต และการวัดความดันโลหิตที่บ้านอย่าง ถูกต้อง การติดตามทางโทรศัพท์โดยพยาบาลในสัปดาห์ที่ 1, 2, 4 และสัปดาห์ที่ 6 นัดประเมินผลภายหลัง การใช้รูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้าน ผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการรับประทานยา (M = 3.205, SD = 0.701) มากกว่าก่อนทดลอง (M = 2.562, SD = 2.144) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = -6.411, p < .001) และระดับความดันโลหิตซิสโตลิก (M = 123.842, SD = 14.048) และไดแอสโตลิก (M = 76.122, SD = 12.206) ต่ำกว่าก่อนทดลอง (M = 135.303, SD = 11.037 และ M = 85.221, SD = 9.903) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(t = 3.000, p = .045; t =4.465, p = .030 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม ภายหลังทดลองพฤติกรรมการรับประทานอาหาร (M = 11.312, SD = 0.890) และการออกกำลังกาย (M = 1.731, SD = 0.710) ไม่แตกต่างจากก่อนทดลอง (M = 11.153, SD = 0.839 และ M = 1.710, SD = 0.756 ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(t = -0.400, p >.05 และ t = 1.682, p >.05 ตามลำดับ)
ข้อเสนอแนะ รูปแบบการจัดการตนเองร่วมกับการวัดความดันโลหิตที่บ้านช่วยส่งเสริมความรู้และ ความสามารถในการจัดการตนเองของผู้ป่วย สามารถนำไปใช้เป็นรูปแบบการดูแลและติดตามผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ให้สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ โดยออกแบบการวัดความดันโลหิตที่บ้านตามความเหมาะส
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Unger T, Borghi C, Charchar F, Khan NA, Poulter NR, Prabhakaran D, et al. 2020 International society of hypertension global hypertension practice guidelines. Hypertension [internet]. 2020 [cited 2023 May 28];75(6): 1334-57. Available from: https://doi.org/10.1161/HYPERTENSIONAHA.120.15026
Suaeto N, Jirapoongsuwan A, Rawiworrakul T, Tipayamongkholgul M. The effect of a program to promote blood pressure control among 35 to 59 - years-old patients with uncontrolled hypertension. Journal of Public Health Nursing 2019;32(2):96-114. (in Thai)
Kaplan NM. Kaplan’s clinical hypertension. 8th ed. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; 2002.
Cohen S, Will TA. Stress, social support and the buffering hypothesis. Psychol Bull [internet]. 1985 [cited 2023 May24];98(2): 310-57. Available from: https://doi.org/10.1037/0033-2909.98.2.310
Ministry of Public Health. Health data center [internet]. 2015 [cited 2023 May28]. Available from: https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index_pk.php (in Thai)
Thai Hypertension Society. 2019 Thai guidelines on the treatment of hypertension [internet]. 2019 [cited 2023 Feb10]. Available from: http://www.thaihypertension.org/hypertensiondetail.php?n_id=442 (in Thai)
Riegel B, Carlson B, Glaser D. Development and testing of a clinical tool measuring self-management of heart failure. Heart Lung 2000;29(1):4-15. doi: 10. 1016/s0147- 9563(00)90033-5 PubMed PMID: 10636953.
Eguchi K, Kuruvilla S, Ichikawa J, Schwartz JE. Pickering TG. A novel and simple protocol for the validation of home blood pressure monitors in clinical practice. Blood Press Monit 2012;17(5):210-3. doi: 10.1097/MBP.0b013e328356e196 PubMed PMID: 22797517.
Piaseu N. Statistical analysis and common problems. Thai Journal of Nursing and Midwifery Practice [internet]. 2016 [cited 2023 Feb10];3(2):83-9. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/apnj/article/view/120358/91902 (in Thai)
Sumthong P, Suthiphongkirt B, Kleebpratoom, Oadpakdee W. The effect of home blood pressure monitoring program applying transtheoretical model and social support power in hypertensive patients, Angthong hospital. Journal of Prachomklao College of Nursing Phetchaburi province [internet]. 2019 [cited 2023 March11]; 2(1):1-14. Available from: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pck/article/view/186033/130734 (in Thai)
Krejcie RV, Morgan DW. Statistics determining the sample size for research [internet]. 1970 [cited 2023 March11]. Available from: http://www.home.kku.ac.th/sompong/guest_speaker/KrejcieandMorgan_article.pdf.
Iamsuphasit S. Theories and techniques in behavior modification. 10th ed. Bangkok: Chulalongkorn Press; 2022.
Montrivade S, Chattranukulchai P, Siwamogsatham S, Vorasettakarnkij Y, Naeowong W, Boonchayaanant P, et al. Hypertension subtypes among Thai hypertensives: An analysis of telehealth-assisted instrument in home blood pressure monitoring nationwide pilot project. Int J Hypertens 2020 Apr 9:2020:3261408. doi: 10. 1155/2020/3261408. PubMed PMID: 32328300
Imai Y, Kario K, Shimada K, Kawano Y, Hasebe N, Natsyyra H. et al. The Japanese society of hypertension guidelines for self-monitoring of blood pressure at home (Second edition). Hypertens Res 2012;35(8): 777-95. doi: 10.1038/hr.2012.56. PubMed PMID: 22863910.
Jeanagool P, Sabaisook S, Kongkaew S, Wimonsinrapin P, Luelarb P, Kramkeaw T, et al. Clinical performance and quality of care for patient with ST-Elevation myocardial infarction at the emergency department in central chest institute of Thailand. Journal of the Department of Medical Services [internet]. 2019 [cited 2023 March11];44(6):77-84. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDMS/article/view/244798/166408
O’Keefe EJ, Berger DS. Self-management for College Student: the ABC approach. 3rd ed. New York: Partridge Hill Publishers; 1999.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสภาการพยาบาล
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
