ปัจจัยเสี่ยงและภาวะตับอักเสบเฉียบพลันที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

บทคัดย่อ

บทนำ: ภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน พบได้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 บางรายมีภาวะแทรกซ้อน ตับวายเฉียบพลันและเสียชีวิต

วัตถุประสงค์: เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ ของการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน

วิธีการศึกษา: ระเบียบวิธีวิจัยใช้การวิจัยแบบภาคตัดขวาง ผู้เข้าร่วมการศึกษาคือ ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ในหอผู้ป่วยและโรงพยาบาลสนามที่รับการรักษาระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2563 - 30 กันยายน 2564 โดยเก็บข้อมูลประวัติการรักษาและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของผู้ป่วย การวิเคราะห์ใช้สถิติ เชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน เช่น ไคสแควร์และการถดถอยพหุโลจิสติกส์

ผลการศึกษา: พบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ผู้ป่วยที่มีภาวะอัลบูมิน ในเลือดต่ำากว่าหร ือเท่ากับ 3.5g/dl ผู้ที่มีตับค่าอักเสบ aspartate aminotransferase (AST) มากกว่า 40 U/L และผู้ป่วยที่มีระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลมากกว่า 7 วัน มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ ทังนี้ ผู้ป่วยที่มีภาวะอัลบูมินในเลือดต่ำกว่าหรือเท่ากับ 3.5 g/dl มีขนาดของความสัมพันธ์ สูงที่สุดต่อการเสียชีวิต (ORadj = 26.9; 95% CI = 6.78-106.87) โดยที่ความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (รุนแรงน้อยปานกลางถึงมาก) และพบว่า alanine aminotransferase (ALT) มากกว่า 40 U/L และ alkaline phosphatase (ALP) มากกว่า 126 U/L ไม่มีความสัมพันธ์ต่อการเสียชีวิต

บทสรุป: การดูแลรักษาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พึงให้ความสำคัญกับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีค่าการทำางานของตับผิดปกติ ได้แก่ อัลบูมินต่ำากว่าหรือเท่ากับ 3.5 g/dl ค่า AST มากกว่า 40 U/L ผู้สูงอายุและผู้ที่นอนโรงพยาบาลนานมากกว่า 7 วันมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้